ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลและทำร้ายร่างกายของผู้ที่สูดดมเข้าไป ไม่เพียงแค่เรื่องปอด ฝุ่นพิษนี้อาจส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้


นพ.จิรเจษฎ์ สุขสุเพิ่ม อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง กล่าวว่า มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD โดยรายงานว่ามีกลุ่มคนที่อยู่ในเมืองที่มีความเข้มข้นของ PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน จะป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมากกว่าคนที่อยู่ในเมืองที่ไม่มี PM 2.5 สูง โดยมีข้อมูลเปรียบเทียบชัดเจน ทั้งในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO นำข้อมูลเหล่านี้มาทำการวิจัยต่อในพื้นที่อื่น พบว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีอนุภาคเล็กมากเมื่อเข้าสู่ปอด ที่มีลักษณะเป็นถุงลมที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนกับก๊าซเสีย โดยถุงลมนี้มีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว และหากมีสิ่งแปลกปลอมที่ใหญ่กว่า 5 ไมครอน อย่าง PM 2.5 มันจึงเข้าไปในถุงลมปอด และสามารถแทรกซึมเข้าไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้การทำงานของระดับเซลล์ในร่างกายมีปัญหา

นพ.จิรเจษฎ์ สุขสุเพิ่ม อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง กล่าวถึงกรณีนี้ว่ามีความจำเป็นมาก และจะเกิดประโยชน์ เนื่องจาก ฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในเด็กที่เสี่ยงรับฝุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ และสะสมในร่างกายไปจนโต ขณะที่ผู้ใหญ่หากลดการเดินทางออกไปนอกบ้าน จะช่วยลดปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่น PM 2.5 นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในประเทศจีน พบว่าการเลี่ยงออกไปจากบ้านช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่า

นพ.จิรเจษฎ์ สุขสุเพิ่ม อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง กล่าวว่า จากการศึกษาภายในสถานพักฟื้นคนชรา ในพื้นที่ที่มี PM 2.5 ของต่างประเทศพบว่า ในคนที่เป็นโรคปอด หรือเสี่ยงเป็นโรคปอดจะเสียชีวิตเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบในหลายงานวิจัย ระหว่างกลุ่มคนที่อาศัยในพื้นที่ PM 2.5 ต่ำ และ PM 2.5 สูง และกลุ่มคนที่ใช้เครื่องฟอกอากาศกับกลุ่มที่ไม่ใช้ เพื่อให้เห็นถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคที่มาจาก PM 2.5 พบว่าคนที่อยู่ในเมืองที่ปริมาณ PM 2.5 สูง ทำให้คนป่วยเป็นโรคปอดมากขึ้น และคนที่ป่วยเป็นโรคปอดอยู่แล้วจะแย่ลง และทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น
ขณะที่ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุว่า PM 2.5 เพิ่มอัตราการเสียชีวิต ก่อนเวลาอันควร จากโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ 58% และเพิ่มการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 18% และเพิ่มการเกิดโรคมะเร็งปอด 6%

นพ.จิรเจษฎ์ สุขสุเพิ่ม อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง ระบุว่า PM 2.5 จะส่งผลต่อสมองของเด็กและผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มี PM 2.5 ความเข้มข้นสูงจะเพิ่มการเสื่อมของสมองและเกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้มากกว่าคนที่อยู่ในสภาพอากาศปกติ
ขณะที่เด็ก พบว่าการได้รับ PM 2.5 ในระยะเวลาหนึ่ง จะมีผลกับพัฒนาการทางสมอง และจะมีผลทำให้สติปัญญาของเด็กไม่มีเท่าที่ควร ดังนั้นเด็กจึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงแรก ที่ควรให้ความสำคัญ

นพ.จิรเจษฎ์ สุขสุเพิ่ม อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง ระบุว่า ในสถานการณ์ที่ฝุ่น PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน เวลาอยู่ในบ้านจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่เป็นตัวกรองแบบ HEPA เท่านั้น มีงานวิจัยว่า หากใช้แบบคาร์บอนไม่สามารถฟอกอากาศที่มี PM 2.5 ได้ โดยตัวกรองแบบ HEPA สามารถไหลเวียนอากาศในห้องได้ และต้องใช้ขนาดเครื่องที่เหมาะสมกับห้อง และจะช่วยลดปริมาณ PM 2.5 ที่อยู่ในบ้านได้ และช่วยลดการหอบหืดในผู้ป่วยได้ด้วย