
รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.
ประเด็นคือ – รสนา โตสิตระกูล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรียกร้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจในชั้นสอบสวนของตำรวจ เพื่อสร้างหลักประกันด้านยุติธรรม เตือนบทเรียนสำนวนอ่อน ช่วยเหลือกัน โดยระบุข้อความว่า
‘ต้องถ่วงดุลการสอบสวนในชั้นตำรวจเพื่อธำรงความยุติธรรม’ เหตุใดตำรวจต้องไปแก้ต่างให้คนยิงเสือดำว่า ไม่ได้ทารุณสัตว์ และยังลงโทษภาคทัณฑ์ลูกน้องที่รับแจ้งความ แทนที่จะสอบสวนไปตามข้อเท็จจริง และศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดรอบคอบ การกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้สังคมเกิดความสงสัย และไม่ไว้วางใจว่ากระบวนการยุติธรรมต้นทางในชั้นตำรวจนั้น จะสามารถให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนอย่างเสมอหน้ากันระหว่างคนรวยกับคนจนหรือไม่
คนรวยสามารถหลุดรอดความผิดในแต่ละขั้นตอนในชั้นสอบสวนของตำรวจที่อาจจะช่วยเหลือทั้งแก้ต่างให้ และเขียนสำนวนให้อ่อนอย่างไรก็ได้ เพื่อให้รับโทษน้อยที่สุดหรือไม่ต้องรับโทษเลยก็ได้ใช่หรือไม่
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1604914439585113&id=236945323048705
กระบวนการในชั้นตำรวจคือ ต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่ศาลยุติธรรมคือปลายน้ำของกระบวนการยุติธรรม ตราบเท่าที่ปล่อยให้การสอบสวน และการแสวงหาข้อเท็จจริงในชั้นตำรวจขาดการตรวจสอบถ่วงดุล สังคมก็ไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอหน้า ใช่หรือไม่
แม้ยังไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจอย่างแท้จริงในขณะนี้ แต่สิ่งที่ควรเรียกร้องให้เกิดขึ้นคือ การถ่วงดุลในกระบวนการสอบสวนและการทำสำนวนของตำรวจ การถ่วงดุลที่ควรเกิดขึ้น ดังที่ปฏิบัติกันเป็นปกติในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น เกาหลีใต้ เป็นต้น คือ การให้อัยการเข้ามามีส่วนร่วมในคดีสำคัญ ตั้งแต่เริ่มต้นในกระบวนการสอบสวน ซึ่งเป็นกระบวนการเสาะหาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาน้ำหนักของพยานหลักฐาน ประกอบกับข้อกฎหมายในการส่งฟ้องต่อศาลยุติธรรม
การปล่อยให้การเสาะหาข้อเท็จจริงอยู่ในมือของตำรวจโดยลำพัง ทำให้อัยการกลายเป็นเพียงแค่ตราประทับสำนวนของตำรวจในการฟ้องต่อศาลยุติธรรม หากสำนวนถูกทำให้อ่อนเพื่อช่วยเหลือกัน การต่อสู้ในชั้นศาลซึ่งเป็นปลายน้ำของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ย่อมยากที่จะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง ใช่หรือไม่









