
นายอำเภอถลางนำทีมตรวจสอบเหตุที่มีการแชร์คลิปในโลกโซเชียล ที่พนักงานโรงแรมดังไล่นักท่องเที่ยวที่มาปูผ้านอนบริเวณชายหาดหน้าโรงแรมให้ไปนอนที่อื่น และอ้างว่าเป็นพื้นที่ของโรงแรม พบพื้นที่ดังกลาวเป็นที่ของโรงแรมจริง
คลิปดังกล่าว เกิดจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Aziz Yotharak ได้มีการไลฟ์ภาพเหตุการณ์ขณะที่ พนักงานของโรงแรมดังแห่งหนึ่ง กำลังขอความร่วมมือกับนักท่องเที่ยวชายคนในคลิปให้ไปนอนที่อื่น (หลังนักท่องเที่ยวชายคนนี้ ได้นำผ้ามาปูนอนบริเวณชายหาดหน้าโรงแรมดัง) โดยบอกว่า บริเวณดังกล่าวเป็นชายหาดส่วนตัวของโรงแรม
ซึ่งนักท่องเที่ยวชายคนนี้ก็สงสัยว่า เขาผิดอะไร เนื่องจากว่าตัวเขาไม่ได้เข้าไปใช้อะไรหรือเข้าไปในเขตโรงแรมเพียงแต่พาลูกมาเล่นชายหาดนี้เท่านั้น โดยหลังที่คลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมาก ต่างตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดชายหาดจึงเป็นที่ส่วนตัวของโรงแรมได้
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.15 น. วานนี้ (7 ม.ค. 61) นายกองโทอดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการชายหาด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณหาดเลพัง – บางเทา ด้านหน้าโรงแรมดุสิต ลากูน่า หลังได้รับมอบหมายจาก นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
โดยนายกองโทอดุลย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวพบว่า เป็นพื้นที่มีสภาพเป็นหาดทราย ซึ่งย่อมทำให้ทุกคนต้องเข้าใจว่า บริเวณดังกล่าวเป็นหาดสาธารณะ แต่ในข้อเท็จจริงที่ตรวจพบว่า แนวเขตที่ดินของโรงแรมดุสิตฯ หลักเขตทางด้านทิศตะวันตกซึ่งติดหาด และชายทะเล จะมีการแสดงแนวเขตที่ดินปักอยู่บริเวณบนหาดทราย ซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าสภาพจุดพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่สาธารณะ และนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าใช้พื้นที่นั้นได้ จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด และเป็นที่มาของปัญหา

อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่บริเวณหาดเลพัง – บางเทา จะมีอยู่ 2 จุด ที่มีปัญหาโฉนดอยู่บนชายหาดทรายเหมือนกันคือ หาดทรายหน้าโรงแรมอังสนา ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรมดุสิต ลากูน่า โดยแนวเขตทิศตะวันตกจดกับที่ดิน นสล. เนื้อที่ 17 ไร่ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น จะมีการแจ้งผู้เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป

อีกทั้ง ยังได้ประชุมหารือกับทางผู้ประกอบการโรงแรมถึงแนวทางในการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ เพราะภาพที่ออกไปนั้นยอมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมได้
และแม้ว่าขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในส่วนของโรงแรมก็ตาม เพราะถ้าโดยสภาพทุกคนที่เห็นพื้นที่ก็คงมีความเข้าใจเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันดูแลนักท่องเที่ยว และทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ส่วนเรื่องของที่ดินก็คงจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นต่อไป









