ประเด็นคือ – ตำรวจ ปปป. ปอท. ปอศ. ผนึกคอมมานโดกองปราบปรามใช้ยุทธการจู่โจม ทำการบุกค้นสายฟ้าแลบ 14 จุด กระจาย 7 จังหวัดทั่วประเทศ ยึดทรัพย์แก๊งเงินทอนวัด ค้นบ้าน 2 อดีต ผอ.พศ.
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 22 ก.ย. 2560 พ.ต.อ.แมน รัตนโมรา ผกก.(สอบสวน) บก.ปปป. สนธิกำลังตำรวจ บก.ปอท. บก.ปอศ. คอมมานโดกองปราบฯ เจ้าหน้าที่ปปง. และ เจ้าหน้าที่สรรพากร กระจายกำลังพร้อมหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านของบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยว ข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดหรือเงินทอนวัด ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รวม 14 จุด ใน 7 จังหวัด จุดสำคัญ คือ บ้านพักของ
นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. จ.นครปฐม เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับการทุจริตเมื่อตำรวจไปถึงได้แสดงหมายศาล เพื่อขอเข้าตรวจค้น โดยมี นายพนมเข้ามาแสดงตัวรับหมาย พร้อมนำตำรวจและเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบภายในบ้านพัก ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป
สำหรับการตรวจค้นใน เนื่องจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ พบข้อมูลว่า นายพนม เป็นหนึ่งในผู้เซ็นอนุมัติงบสนับสนุนเงินอุดหนุนวัดสมัยที่ยังดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. เบื้องต้นพบทองคำแท่งเก็บอยู่ในตู้เซฟ 80 บาท เงินสดจำนวนหนึ่ง เอกสารเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่และพระเครื่องชุดเบญจภาคี จึงทำบัญชีทรัพย์สินและอายัดไว้ตรวจสอบ
จากนั้นตำรวจ ปปป.เข้าตรวจสอบ บ้านพักนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี ข้าราชการชำนาญการพิเศษ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ในอำเภอสามพราน พบเงินสดจำนวนหนึ่ง และบัญชีรายชื่อวัดที่เข้าข่ายทุจริตเงินทอนวัด
รวมทั้งตรวจค้นบ้านพักภรรยา นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการ พศ. ย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เปิดตู้เซฟพบเงินสด 1 แสน 7 หมื่นบาท และพลอยเจียรไน จำนวน 10 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงทำการอายัดนำไปตรวจสอบ
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่าการเข้าตรวจค้นรวมทั้งสิ้น 14 จุดใน 7 จังหวัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้าราชการและบุคคลธรรมดา พบความเชื่อมโยงเพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งการตรวจสอบบ้านพักของ นายพนม พบทรัพย์สินมีค่าและเอกสาร จากนี้จะรวบรวมทำบัญชีทรัพย์สิน ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ปปง. พิจารณาอายัดทรัพย์ตามขั้นตอนและดำเนินคดีตามความเชื่อมโยง โดยแจ้งข้อหาฐานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง
สำหรับการตรวจสอบความผิดทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งพบว่ามีวัดที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ รวม 23 วัด และพบผู้กระทำผิดรวม 19 คน ซึ่งทั้งหมดตำรวจจะแจ้งข้อหาตามพฤติการณ์ทันที
