
ประเด็นคือ – เทศบาลนครเกาะสมุย เร่งประชุมแก้ปัญหาผู้ประกอบการบนชายหาดละไม ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย ที่คิดค่าบริการในการให้บริการตัดเล็บมือ และเล็บเท้า ให้กับนักท่องเที่ยวชาวสวีเดนในราคาที่แพงเกินจริงถึง 3 พันบาท พร้อมหยิบเงินทิปจากนักท่องเที่ยวไปอีก 500 บาท ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 61จากกรณีที่ นายนิคโค คาซาล อายุ 46 ปี สัญชาติสวีเดน ได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยได้เลือกสถานที่พักผ่อนปลายทางที่เกาะสมุย เมื่อถึงที่พักบนหาดละไม ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงไปพักผ่อนบริเวณชายหาด
จากนั้นได้มีผู้หญิงไทย 3 คน ใส่เสื้อกั๊กสีชมพู ซึ่งเป็นเสื้อกั๊กที่ทางเทศบาลนครเกาะสมุยเป็นผู้ออกให้ ได้เข้ามาถามว่าต้องการนวดไหม พร้อมกับนำป้ายราคาค่าบริการมาแสดงให้ดูก็เลยตอบตกลงตามราคา โดยหญิงไทย 1 คนทำหน้าที่นวดหลัง และหญิงไทยอีก 1 คนทำหน้าที่ตัดเล็บมือและเล็บเท้า
ผ่านไป 30 นาที เมื่อบริการเสร็จหญิงไทยก็เรียกค่าบริการนวดหลังและตัดเล็บรวม 3 พันบาท ทั้งที่ราคาที่ตกลงกันไว้ในการให้บริการตัดเล็บ 300 บาท ถึงแม้จะคิดค่าบริการตัดเล็บและนวดหลัง ก็ยังเป็นค่าบริการที่แพง
ตนเองจึงยังไม่ยอมจ่าย แต่หญิงไทยได้เรียกเพื่อนมาอีก 4 คนมาล้อมไว้พร้อมกับโวยวายเสียงดังว่าตนเองไม่จ่ายค่าบริการ จนทำให้รู้สึกอายและไม่ปลอดภัย จึงต้องยอมจ่ายเงินไป 3 พันบาท แต่หญิงคนไทยคนดังกล่าวยังได้หยิบเงินจากมือไปอีก 500 บาท แล้วบอกว่าเป็นค่าทิป รวมเป็นเงิน 3.5 พันบาท

ในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังเทศบาลนครเกาะสมุย ซึ่งเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนผู้ค้าบนชายหาดละไม และยังเป็นผู้ให้เสื้อกั๊กสีชมพูแก่ผู้ค้า หลังจากขึ้นทะเบียนกับเทศบาลแล้ว โดยนายสุนทร ภู่ไพบูลย์ รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ได้เรียนประชุมกองสาธารณสุขที่ทำหน้าที่กำกับดูแลผู้ค้าชายหาดละไม เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา
เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย และของเกาะสมุย ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยในวันนี้เวลา 15.00 น. กองสาธารณสุข เทศบาลนครเกาะสมุย จะเรียกผู้ค่้าที่ให้บริการตัดเล็บบริเวณชายหาดละไม มาทำความเข้าใจถึงผลกระทบ พร้อมกับจะหาบทลงโทษต่อการกระทำดังกล่าว
โดยนายสุนทร ภู่ไพบูลย์ รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ได้กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเทศบาลนครเกาะสมุยไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้เรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเทศกิจที่ดูแลพื้นที่หาดละไมมาประชุมเพื่อหาข้อมูล เพราะทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะสมุยเป็นอย่างมาก
ซึ่งในการให้บริการของผู้ค้าบริเวณชายหาดรอบเกาะสมุยนั้น ที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เทศบาลนครเกาะสมุยได้เรียกผู้ค้ามาประชุมเพื่อทำความเข้าใจ และควรภาคภูมิใจในอาชีพที่ทำ เพราะเป็นอาชีพที่สุจริต เพราะผู้ให้บริการดังกล่าวเป็นผู้ที่ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในการดูแลเอาใจใส่ เพราะฉะนั้นจะต้องให้ความสำคัญ ให้ความเป็นธรรมในเรื่องของราคาในการให้บริการทุกๆ ด้าน
ทางด้าน พ.ต.ท.ปิยะพันธ์ วนอุกฤษ์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวออกติดตามตัวผู้หญิงไทยทั้งสามคนตามที่เป็นข่าวแล้ว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ หนุ่มสวีเดนเที่ยวไทยครั้งแรก เจอค่าตัดเล็บ 3,000 บาท









