ประเด็นคือ – เอกชนเข้ามาจับจองที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ และมีสิ่งปลูกสร้างกีดขวางเส้นทางน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ รวมทั้งชาวบ้านนับร้อยเดือดร้อน ทหารเล็งอาจต้องใช้ ม.44
วันที่ 27 ก.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.อาทิตย์ อรุณโชติ รอง ผอ.รมน.จว.สตูล (ฝ่ายทหาร) หรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมทหารเรือภาคที่ 3 ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูล อบต.เกาะสาหร่าย จังหวัดสตูล ลงเกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เพื่อตรวจสภาพน้ำที่เน่าเหม็นท่วมขังมานานหลายเดือนจนส่งผลกระทบในด้านฆสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวพบเห็น และเป็นภาพที่กระทบด้านการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติเป็นอย่างมาก
โดยในครั้งนี้ชาวเลอูรักลาโว้ย หมู่บ้านหลังโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง ที่เป็นหมู่บ้านชาวเลนับ 100 หลังคาเรือนที่โดนน้ำท่วมขังจากฝนที่ตกมาครั้งก่อนเมื่อเดือนที่แล้ว และช่วงพายุทุกซูรี ซึ่งปานนี้น้ำยังไม่แห้ง ถึงแม้จะใช้เครื่องสูบน้ำจากเอกชนและภาครัฐที่สนับสนุนมา แต่ก็ยังไม่สามารถสูบน้ำออกหมดได้
ล่าสุดทางฝ่ายรอง ผอ.รมน.จว.สตูล เตรียมทำหนังสือให้ทางเจ้าของที่ดินของเอกชนให้ความร่วมมือในการขุดลอกคูน้ำออก ขณะที่การลงสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ถูกนายทุนที่ดินเอกชนสร้างกำแพงปิดเส้นทางน้ำธรรมชาติ และทางทหารจะทำหนังสือขอให้ช่วยเปิดทาง แต่ถ้ายังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือมีความร่วมมือที่จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เดือดร้อนเป็นส่วนใหญ่ จะพิจารณาว่าเกาะหลีเป๊ะสมควรใช้กฎหมาย คสช. มาตรา 44 หรือไม่ เพราะทุกวันนี้ใช้การพูดคุยเจรจาอย่างมิตรภาพเท่านั้น
สำหรับพื้นที่เกาะหลีเป๊ะพบว่า น้ำท่วมขัง 3 จุด มีสภาพน้ำเน่าเหม็น ขยะลอยเต็ม ส่วนบางจุดเป็นเส้นทางรถเพื่อใช้บรรทุกพานักท่องเที่ยวสัญจรเที่ยวรอบเกาะและไปส่งบริการลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไปขึ้นเรือ และต้องขับรถลุยน้ำเน่าเสีย บางจุดท่วมสูงถึงหัวเข่า ทางทหารจึงต้องเร่งหาทางแก้ไขด่วน
