
ผู้สื่อข่าวรายงานวัน วันจันทร์ที่ 22 เม.ย. นี้ จะถึงกำหนดที่ คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง จะปรับขึ้นค่าโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ทุกประเภท หลังจากที่มีมติให้รับขึ้นราคาในการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ครั้งที่ 10/2561 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 61 ให้มีผลตั้งแต่ 21 ม.ค. 62 เป็นต้นไป แต่ต่อมามีมติเมื่อวันที่ 18 ม.ค.62 ให้เลื่อนออกไป 3 เดือน โดยระบุว่าเพื่อช่วยลดมลพิษฝุ่นควันในอากาศ ซึ่งจะครบกำหนดและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 เม.ย. นี้เป็นต้นไป โดยระยะแรกกำหนดอัตรา ดังนี้
1. รถโดยสารธรรมดา (สีครีม-แดง) ปรับราคาจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาท และจาก 8 บาท เป็น 9.50 บาท
2. รถปรับอากาศ (ครีมน้ำเงิน) ปรับราคาจาก 10-18 บาท เป็น 12-20 บาท
3. รถโดยสารปรับอากาศ (ยูโรทู สีส้ม) ปรับราคาจาก 11-23 บาท เป็น 13-25 บาท
4. รถโดยสารปรับอากาศเอ็นจีวี (สีขาว) ปรับราคาจาก 11-23 บาท เป็น 13-25 บาท
5. รถโดยสารปรับอากาศเอ็นจีวีรุ่นใหม่ (สีฟ้า) ปรับราคาจาก 11-23 บาท เป็น 15-25 บาท
6. กรณีรถโดยสารประจำทางที่ขึ้นทางด่วน ปรับราคาเพิ่ม 2 บาทจากราคาปกติ
7. รถโดยสารสายสนามบิน A1-A4 และ S1 ใช้อัตราค่าโดยสารเดิม

แฟ้มภาพ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้เคยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางทบทวนมติดังกล่าว โดยขอให้ปรับราคาค่าโดยสารแบบค่อยเป็นค่อยไป คือขึ้นราคาเฉพาะรถเมล์ใหม่ที่ได้มาตรฐานกรมการขนส่งทางบก หากเป็นรถเมล์เก่าก็จะให้คิดค่าโดยสารเท่าเดิม แต่มติยังคงเป็นการขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารทั้งเก่าและใหม่ไปพร้อมกันโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน
ดังนั้น สมาคมฯ จะร่วมมือกับชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่หาเช้ากินค่ำ ร่วมกันร่วมยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพื่อขอให้เพิกถอนหรือระงับการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ทั้งระบบเนื่องจากเป็นการสร้างภาระให้เกิดขึ้นกับประชาชนมากเกินไป โดยจะเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. เวลา 10.00 น. พร้อมกับคำขอให้ศาลไต่สวนเพื่อคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉินด้วย









