
อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ถูกตัดสินร่วมทุจริตเงินทอนวัด ศาลระบุข้ออ้างฟังไม่ขึ้น เพราะการที่แต่ละวัดได้เงินหลักล้านต้องรู้ว่าผิดปกติ พิพากษาจำคุก 39 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 26 ปี
วันที่ 18 เม.ย. เวลา 09.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงินทอนวัด สำนวนแรกที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ หรือ นายสมเกียรติ ขันทอง อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค อายุ 55 ปี ในความผิดฐานร่วมกันกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อายุ 60 ปี ที่ยังคงหลบหนี สมคบฟอกเงินทอนวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์, นครสวรรค์, ตากและชุมพร รวมมูลค่าราว 28 ล้านบาท โดยอดีตพระครูกิตติ ให้การปฏิเสธ และได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีเป็นหลักทรัพย์จำนวน 1.5 ล้านบาท

แฟ้มภาพ ธ.ค. 2560
ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่าการที่จำเลยอ้างว่านำเงินงบประมาณที่ได้มา ใช้เป็นงบในการพาคณะภิกษุสงฆ์เดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากจำเลยย่อมรู้ว่าการเบิกงบประมาณนั้นผิดประเภท ขณะเดียวกันย่อมต้องทราบว่าการที่แต่ละวัดได้งบประมาณหลักล้านบาทนั้นผิดปกติ
การที่จำเลยอ้างว่าเชื่อและทำตามเจ้าพนักงาน สำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติว่าจะนำเงินไปบูรณะวัดในชายแดนใต้นั้นยิ่งน่าสงสัย คำให้การของจำเลยไม่มีน้ำหนักพอหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี ทั้งหมด 13 กระทง รวม 39 ปี แต่เห็นว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์บางส่วน จึงพิจารณาลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









