
ประเด็นคือ – ชาวสวนยางเดือดร้อนหนัก หลังพายุซัดต้นยางพารา เสียหายกว่า 5 พันต้น มูลค่ากว่าล้านบาท ยันได้ชดเชยแต่ไม่คุ้ม เพราะยังคงประสบปัญหายางพาราตกต่ำ
วันที่ 23 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขุนไกร สุขสุมิตร นายอำเภอโพนสวรรค์ จ.นครพนม ยังคงระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหารจาก มทบ.210 นครพนม ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบให้การดูแลช่วยเหลือต่อเนื่อง สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาพายุฝนหลงฤดู เนื่องจากเป็นพื้นที่อำเภอที่ได้รับผลกระทบหนักสุด มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ รวม 4 ตำบล 22 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายรวม 320 หลังคาเรือน พังเสียหายหนักสุดรวม 20 หลังคาเรือน โรงเรียนอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการดูแล เร่งซ่อมแซมช่วยเหลือเบื้องต้น

จากการตรวจสอบ นอกจากจะมีบ้านเรือนของเกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย ยังพบว่าพืชเศรษฐกิจสวนยางพาราได้รับความเสียหายอย่างหนัก เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่า มีสวนยางได้รับผลกระทบจากพายุฝนหลงฤดูกว่า 300 ไร่ มีต้นยางหักโค่น เสียหายมากกว่า 5,000 ต้น เกษตรกรเดือดร้อนกว่า 150 ราย ส่วนใหญ่เป็นต้นยางที่มีอายุเกินกว่า 10 ปี และสามารถกรีดยางได้ทั้งหมด สร้างมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรสวนยางอย่างหนัก เนื่องจากต้องเจอวิกฤตราคายางตกต่ำ และยังมาเจอพายุฝนถล่มต้นยางเสียหายอีก
ด้าน นายชุมพล แย้มวิจิตรจรรยา อายุ 51 ปี เกษตรอำเภอโพนสวรรค์ เปิดเผยว่า ภัยธรรมชาติครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากมาตั้งแต่ต้นปี ไม่เพียงฝนตกหนักยังมีลมแรง พื้นที่การเกษตรที่กระทบหนักสุดคือ สวนยางพารา สำรวจแล้วเสียหายกว่า 5,000 ต้น หักโค่นกลางลำต้นส่วนใหญ่ เพราะเป็นพายุหมุน และเป็นต้นที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ในระยะยาว

โดยสำหรับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกองค์การสวนยาง หากได้รับความเสียหาย 20 ต้นขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 3,000 บาท ต่อราย นอกจากนี้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้ามาพิจารณาช่วยเหลือในกรณีที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การสวนยาง หรือหากไม่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งสอง จะได้รับการช่วยเหลือจากเงินทดรองราชการ แต่ต้องเป็นความเสียหายแบบสิ้นเชิง เป็นเงินประมาณ 1,690 บาท ต่อไร่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า อาจไม่คุ้มค่า แต่ทางราชการพยายามหาทางช่วยเหลือ ตามระเบียบหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
ด้าน น.ส.พัชรินทร์ กฐินสมมิตร์ อายุ 31 ปี เกษตรกรชาวสวนยาง เปิดเผยว่า ยอมรับว่าพายุฝนครั้งนี้หนักมาก มาแค่ชั่วโมงเดียว ต้นยางพาราในสวนหักโค่นไปกว่า 1,000 ต้น เห็นแล้วน้ำตาแทบร่วง เพราะต้นยางกำลังให้ผลผลิตทุกวัน และปลูกมามีต้นทุนดูแลสูง เสียหายกว่าแสนบาท และยิ่งช่วงนี้ราคายางพารายิ่งตกต่ำ เมื่อมาเจอภัยธรรมชาติซ้ำเติมอีก จึงขาดทุนหนัก เพราะต้นยางแต่ละต้นยังสามารถกรีดยางได้อีกหลายปี ถึงแม้ทางภาครัฐจะช่วยเหลือเยียวยา แต่ยืนยันว่าไม่คุ้มค่า เพราะมูลค่าความเสียหายสูง แต่ต้องทำใจเพราะเป็นภัยธรรมชาติ









