
ประเด็นคือ – โลกออนไลน์แห่แชร์ภาพหลวงพี่เข้าฟิศเนสที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ยกดัมเบล ออกกำลังกายอย่างสบายใจ ชาวพุทธตั้งคำถาม พระสงฆ์ปฏิบัติเช่นนี้ได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 61 โลกออนไลน์กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเฟซบุ๊ก Phor Pimsomrudee ได้โพสต์คลิปพระสงฆ์รูปหนึ่ง ขณะกำลังออกกำลังกายอยู่ภายในห้องฟิตเนสของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสาทร กทม. โดยพระสงฆ์รูปนี้ได้ถอดจีวรออกแล้ววางพาดไว้ ก่อนนอนยกดัมเบล โดยภายในคลิปยังมีผู้เข้ามาใช้บริการห้องฟิตเนสทั้งหนุ่มสาว
พร้อมโพสต์ข้อความว่า “เห็นมาประมาณ 2-3 เดือน ช่วงเวลา 09.00-11.00 ที่พบเห็น ถามผู้รู้ว่า พระเล่นฟิตเนส ในที่ห้องออกกำลังกายส่วนรวมของคอนโด ร่วมกับฆราวาส ชายและหญิง เป็นส่วนมากว่าสมควรหรือไม่”
หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีชาวพุทธเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่าพระสงฆ์สามารถมาเล่นฟิตเนสได้หรือไม่
ด้าน พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณพระภิกษุวัดสร้อยทอง กรุงเทพฯ ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตามวินัยบัญญัติของภิกษุ เรื่องเสขิยวัตร ได้ระบุความเหมาะสมแก่สมณเพศในการประพฤติปฏิบัติต่อชุมชนเอาไว้ ซึ่งการเล่นฟิตเนสในที่สาธารณะ โดยถอดจีวรและเหมือนที่ปรากฎในข่าวนั้นมีความผิดแน่นอน

ส่วนประเด็นเรื่องการออกกำลังกายของพระภิกษุสงฆ์ พระมหาไพรวัลย์บอกว่าแม้พระวินัย ซึ่งเป็นกฎระเบียบข้อบังคับ หรือขนมธรรมเนียมประเพณีที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปในทางเดียวกันของหมู่ภิกษุสงฆ์ จะไม่ได้ระบุข้อห้ามเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ในฐานะพระภิกษุ การพยายามบำเรอร่างกายในลักษณะการบำรุงปรุงแต่งให้ดูสวยงามหรือดูดีขึ้น นั้นขัดกับพระวินัยอย่างแน่นอน
โดย การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสมณเพศ โดยทั่วไปพระสงฆ์จะเลือกปฏิบัติทำงานนวกรรมหรืองานก่อสร้าง ดูแลซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์วัด

ซึ่งท่านบอกทิ้งท้ายว่า หากคนทั่วไปพบเจอพระสงฆ์ออกกำลังกายในลักษณะเล่นฟิตเนส ยกเวทหรือบำเรอร่างกาย ควรเข้าไปสอบถามและตักเตือนท่านด้วยซ้ำ “ภาพที่ออกมานับเป็นความเสียหายโดยส่วนร่วมที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ทราบว่าเจ้าของสถานที่ปล่อยให้ท่านเข้าไปใช้บริการได้อย่างไร ขณะที่พระท่านเองก็ควรจะมีสามัญสำนึกถึงความถูกต้องเหมาะสม”
ทั้งนี้ จากข้อมูลจากโครงการ “สงฆ์ไทยไกลโรค” ของ สสส. พบว่าโรคยอดฮิตสำหรับพระคือคือ อ้วนลงพุง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งสาเหตุจากกิจกรรมทางศาสนา และการฉันอาหารที่มีไขมันสูง หวานจัด และเค็มจัด ขณะที่กำลังกายน้อย เพราะกลัวผิดพระธรรมวินัย









