
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
อดีต รมว.คลัง ค้านแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ-สภาพคล่องในระบบต่ำ หวั่นเศรษฐกิจประเทศทรุด เสนอเดินตามประเทศพัฒนาแล้ว
วันที่ 22 ธ.ค.2561 จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 ด้วยมีมติ 5 ต่อ 2 ให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี
ล่าสุด ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นว่า แบงค์ชาติไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าความสามารถในการผลิต (Capacity utilization rate) จะสูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งจะทำให้ ศก.ปท.เจริญเติบโตมากที่เป็นอยู่ ซึ่งในรายละเอียด ศก.สหรัฐฯ เติบโตมากเกินไป เขาจึงขึ้นดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจไทยแย่ โตต่ำกว่าความสามารถมาก โตต่ำกว่าเพื่อนบ้านทุกประเทศใน ASEAN เงินเฟ้อก็ต่ำเกินไป ประชาชนผลิตแล้วขายของไม่ได้จึงไม่มีกำลังซื้อ ความจริงเราต้องลงดอกเบี้ย เพื่อให้มีปริมาณเงินในประเทศเพิ่มขึ้น ประชาชนมีเงินใช้สอยมากขึ้น ชาวบ้านจะขายของได้ และค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปทุกวันนี้ จะได้อ่อนค่าลงตามธรรมชาติ จะได้ส่งออก คือ ขายของให้ต่างประเทศได้มากขึ้น

ศ.ดร.สุชาติ แนะนำว่า แบงค์ชาติควรมีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจที่เติบโตสูง ไม่ใช่กดเศรษฐกิจจนแทบไม่เจริญเติบโต แล้วรักษาเสถียรภาพให้เงินเฟ้อต่ำๆ เป้าหมายของชาติในการดำเนินนโยบายการคลัง การเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้คนทุกคนมีงานที่ดีๆทำ มีรายได้มากๆ ครอบครัวเขาจะได้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ประเทศเจริญเติบโตในอัตราสูง

“ผมหวังว่าผู้บริหารแบงค์ชาติจะกลับมาคิดเรื่องนี้เหมือนประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน ที่เจริญเติบโตอย่างมหัศจรรย์ในทศวรรษที่ 1960 ถึง 1990 หนทางหนึ่งที่รัฐบาลควรคิดคือ การเปลี่ยนนโยบายการเงินมาเป็นการกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม (Exchange rate targeting) การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ มีแต่ประเทศที่รวยแล้ว เขาทำกันประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่จะกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เช่น ประเทศสิงคโปร์”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : มีผลทันที! มติ กนง. 5 ต่อ 2 เสียง เคาะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ครั้งแรกในรอบ 7 ปี









