
ประเด็นคือ- ดีเดย์ 1 พ.ค. คำสั่ง คสช.จัดระเบียบย้ายจุดเรือรับส่งนักท่องเที่ยวชายหาดกลับไปใช้พื้นที่ท่าเรือพัทยาใต้ไม่คืบ โดยพบผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังใช้พื้นที่ชายหาดเปิดบริการเผยปรับตัวไม่ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะทำงานจัดระเบียบท่าเทียบเรือพัทยาใต้ คสช.และเมืองพัทยา มีนโยบายให้ผู้ประกอบการรถทัวร์รับส่งนักท่องเที่ยวทุกประเภท กลับมาใช้พื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือ (แหลมบาลีฮาย) พัทยาใต้ ในการรับส่งนักท่องเที่ยวเพื่อเล่นกิจกรรมทางน้ำและเดินทางสู่เกาะล้าน โดยเฉลี่ยวันละ 10,000 – 20,000 คน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ ลดปัญหาผลกระทบด้านการจราจรบนถนนสายชายหาด และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยว
ภายหลังที่มีการอนุญาตชั่วคราวให้ผู้ประกอบการกลับไปใช้พื้นที่ชายหาด ในการรับส่งนักท่องเที่ยวในช่วงของการปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ สะพานเรือ และพื้นที่โดยรวมของท่าเทียบเรือ เพื่อให้เกิดความสวยงาม เป็นระเบียบและใช้ในการจัดกิจกรรมสำคัญอย่าง “มหกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ” ในช่วงเดือนพ.ย. 2560 ที่ผ่านมา โดยหลังการปรับปรุงและกิจกรรมดังกล่าวแล้วเสร็จ ก็มีนโยบายให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารและบริษัทนำเที่ยวทุกประเภทกลับมาใช้พื้นที่ท่าเทียบเรือตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2561 เป็นต้นไป

มีรายงานว่า เช้าวันนี้ (1 พ.ค. 61) กำลังทหารจากกองกำลังรักษาความสงบ มทบ.14 สนธิกำลังร่วมกับ เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา นำกำลังกว่า 50 นาย ลงพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือพัทยาใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยวที่จะกลับมาใช้บริการในรูปแบบเดิม โดยบรรยากาศทั่วไป พบว่า มีผู้ประกอบการนำรถบัสโดยสารขนาดใหญ่บรรทุกนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน มาใช้พื้นที่เป็นบางส่วนเท่านั้น
ขณะที่การจราจรก็เป็นไปด้วยความสะดวก เนื่องจากมีปริมาณผู้ประกอบการและบริษัทนำเที่ยวที่มาใช้บริการเพียงบางส่วนเท่านั้น

ขณะที่บริเวณชายหาดเมืองพัทยา โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงแรมฮาร์ดร็อค ทวินปาล์ม ตลอดแนวระยะ ทางกว่า 300 เมตร พบกลุ่มผู้ประกอบการทั้งรถบัสโดยสารขนาดใหญ่ เรือท่องเที่ยวจอดลอยลำ ริมชายหาดอยู่เต็มอ่าวประมาณ 40-50 ลำ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนพากันขึ้นลงเรือเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวจำนวนหลายร้อยคน มาใช้บริการเช่นเดิม ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ที่ลงมากำกับดูแลนั้นมีเพียงกำลังเทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนเท่านั้น
นายณัฐพงค์ มานะสม อายุ 55 ปี กรรมการบริษัททัวร์นำเที่ยว N.P.E. ทัวร์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการเองก็ไม่ได้ขัดข้อง นโยบายกำหนดดีเดย์ของ คสช. แต่กำหนดการเป็นการระบุในระยะสั้น และมีการประชุมชี้แจงจากสำนักงานเจ้าท่าพัทยาล่วงหน้าเพียง 1 วันเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากโปรแกรมทัวร์ท่องเที่ยวได้กำหนดขายล่วงหน้าไปก่อนแล้วหลายเดือน ทำให้ไม่มีโอกาสในการชี้แจงและปรับเวลาให้นักท่องเที่ยวใหม่ จึงจำเป็นที่จะต้องมาใช้พื้นที่ชายหาดเช่นเดิมไปก่อน แต่หากว่าทางท่าเทียบเรือมีความพร้อมทั้งอาคาร สถานที่ จุดพัก และท่าเทียบเรือพร้อมแล้ว ผู้ประกอบการก็ยินดีย้ายไปใช้พื้นที่ท่าเทียบเรือทั้งหมด

ส่วนกรณีการย้ายจุดรับส่งนักท่องเที่ยวนั้น แต่เดิมก็เคยใช้พื้นที่ท่าเรือมาก่อน แต่ขณะนั้นมีการจัดตั้งเต็นท์ จุดพักสำหรับนักท่องเที่ยวพิการ สูงอายุ และผู้มีอาการป่วยที่ไม่สามารถโดยสารทางเรือได้ แต่ปัจจุบันหากจะกลับไปใช้บริการ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องของการจราจร จุดจอดรถแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องของจุดพักนักท่องเที่ยวและห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
อีกทั้ง ในอดีตปัญหานี้ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 10-20 % จึงอยากร้องขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่รองรับอย่างมีประสิทธิภาพ และขอผ่อนผันเวลาสักระยะ จากนั้นผู้ประกอบการเองก็คงน้อมรับและคงย้ายไปอย่างไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนกรณี มีการโจมตีอย่างรุนแรงจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในการบังคับผู้ประกอบการ เพื่อจัดระเบียบโดยไม่ดูความพร้อมและผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งกรณีดังกล่าวผู้ประกอบการท่องเที่ยว ระบุว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มผู้ประกอบการเพราะเข้าใจนโยบายของรัฐเป็นอย่างดีว่าทำเพื่อส่วนร่วมและภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยว และไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของคนที่สร้างกระแสว่าต้องการอะไร เพราะแทนที่จะทำให้การชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้วยดีแก่กันระหว่างภาครัฐกับเอกชน กลับกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาได้จึงอยากให้ยุติการกระทำดังกล่าวด้วย









