‘แบม’ โดนด้วย ! ตกเป็นเหยื่อลงทุนสินค้าแบรนด์ตรีชฎา เครือเมจิกสกิน

‘แบม’ โดนด้วย ! ตกเป็นเหยื่อลงทุนสินค้าแบรนด์ตรีชฎา เครือเมจิกสกิน

“แบม ปณิตา” นักศึกษาผู้ออกมาแฉเรื่องการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ตกเป็นเหยื่อสินค้าเครือเมจิกสกินด้วย ได้นำผู้เสียหายกว่า 20 คนเข้าร้องเรียนนายกฯ ให้ช่วยเหลือและเยียวยา เสียหายรวมกันหลายล้านบาท

วันนี้ (7 พ.ค.61) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทเมจิกสกิน (เมจิก-สกิน) ซึ่งตำรวจได้เข้าจับกุมสินค้าไม่ผ่านมาตรฐานของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

นำโดย น.ส.ปณิตา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมุนษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น ได้นำผู้เสียหายประมาณ 20 คน เดินทางมาขอยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.  โดยมีนายสาธิต สุทธิเสริม หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ

แบม ปณิดา เปิดเผยว่า ตนตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกสูญเสียเงินไปถึง 50,000 บาท จากการเข้าไปเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “ตรีชฎา” ซึ่งเป็นสินค้าในเครือบริษัทเมจิกสกิน รวมถึงและยังมีผู้เสียหายอื่นๆ อีกกว่า 100 ราย มีมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

สินค้าแบรนด์ตรีชฎา มีพฤติกรรมฉ้อโกง เริ่มให้สมาชิกสมัครเป็นตัวแทนหลัก และมีระบบการขายแบบไม่เหมือนใคร จากตัวแทนหลักเลื่อนตำแหน่งเป็นวีไอพี (VIP) สต็อกของ 1,000 ซอง ล็อตแรกราคา 29,000 บาท  คิดว่าระบบแบบนี้จะสามารถทำให้เรารวย เลี้ยงพ่อแม่ได้ และมีเงินเก็บหลักแสนก่อนเรียนจบ จึงนำทองที่ซื้อมาโดยเงินเก็บของตัวเองทั้งหมดไปจำนำ และขอเงินแม่อีก 10,000 บาท เพื่อลงทุน ซึ่งเป็นเพราะความเชื่อใจเจ้าของแบรนด์

จากนั้นล็อต 2 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ซุปเปอร์วีไอพี 5,000 ซอง ต้องหาเงินจำนวน 130,000 บาท มาจ่ายแม่ทีม ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่ย้ายทีม ได้นำเงินของตัวเองและตัวแทนไปจ่ายให้กับแม่ทีมใหญ่ ล็อต 3 เลื่อนตำแหน่งเป็นดิลเลอร์ 15,000 ซอง หาเงิน 315,000 บาท จ่ายให้กับแม่ทีม  ซึ่งตนเองคิดว่ามันไม่ไหว ถ้าไม่เลื่อนตำแหน่งก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นระบบ

แต่ล็อต 4  ซึ่งย้ายทีมแล้ว ต้องสั่งเพียง 7,000 ซอง เนื่องจากเจ้าของแบรนด์ปรับขึ้นราคา และจำนวนสต็อกของในแต่ละตำแหน่ง ดิลเลอร์ต้องสต็อกอย่างน้อย 50,000 ซอง จำนวนเงินที่จ่ายเป็นล้านและคิดว่า ยิ่งขายยิ่งไม่ได้กำไร เพราะจ่ายเงินไปไม่มีของมาขาย เนื่องจากของมาช้า ทำให้หมุนเงินไม่ได้ จึงไม่ได้ไปไถ่ทองออกจากโรงรับจำนำ และคิดจะเลิกขายหลังจากจบล็อต 4 ซึ่งจากมีข่าวการจับกุมออกมา ตนมีเหลือสินค้าในสต็อก 1,240 ซอง รวมของตัวแทนทั้งหมด และได้ยุติการขายทันที

ทางกลุ่มผู้เสียหาย จึงขอความเมตตาจาก นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้าคสช.) ให้ดำเนินการคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายจากผลิตภัณฑ์ของเมจิกสกิน อีกราว 1,000 คน รวมทั้งเร่งรัดการยึดทรัพย์ และนำมาเยียวยาให้กับผู้เสียหาย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง