
ประเด็นคือ – ผบช.ภ.7 แถลงชี้ชัด เจ้าของหวย 30 ล้าน เป็นของ ‘ครูปรีชา’ แม่ค้ายันที่มาของสลากฯ “ลุงจรูญ” อดีตตำรวจ แค่เก็บได้ แต่ไร้ภาพกล้องวงจรปิด ตร.เตรียมออกหมายเรียกรับทราบข้อหาแล้ว
วันที่ 31 ม.ค. 2561 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) แถลงถึงผลคดียักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัล 30 ล้านบาท หมายเลข 533726 งวดวันที่ 1 พ.ย.60 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ ซึ่งมีผู้กล่าวอ้างเป็นเจ้าของสลาก 2 คน คือ นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ว่าเจ้าของสลากฯรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาทเป็นของใครกันแน่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่า ประเด็นที่ 1.เส้นทางของสลากกินแบ่งรัฐบาลมีพยานยืนยันว่าขายให้กับแม่ค้าขายหวยที่ตลาดเรดซิตี้จริง ประเด็นที่ 2.มีพยานยืนยันว่าขายให้ครูปรีชาจริง และประเด็นที่ 3. ร.ต.ท.จรูญ ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่าซื้อมาจริงหรือเก็บได้ ซึ่งทางตำรวจมีพยานยืนยันว่า ร.ต.ท.จรูญ เก็บ สลากฯ ได้
จากนั้น พล.ต.ท.กิตติพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสืบสวนจากพยานจนได้ความจริงว่า ร.ต.ท.จรูญ เก็บสลากฯได้ ส่วนข้อสงสัยเรื่องซองพลาสติกที่ไม่ส่งตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เนื่องจากทั้งแม่ค้า ครูจรูญ และตำรวจ จับซองทั้งหมด จึงไม่ได้ส่งซองพลาสติกตรวจ ส่งแค่ตัวสลากกินแบ่งรัฐบาลตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น ส่วนกล้องวงจรปิดที่อยู่ในตลาดไม่มีภาพ เนื่องจากวันที่ทราบว่า ร.ต.ท.จรูญ ไปรับรางวัลคือวันที่ 28 พ.ย.60 ซึ่งเลยเวลา 15 วันไปแล้วที่กล้องจะสามารถเก็บภาพไว้ได้

พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 และหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดี ระบุขั้นตอนจากนี้ว่า ต้องเรียกครูปรีชา มาที่สถานีตำรวจว่าจะแจ้งข้อกล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ ว่าอย่างไร และร.ต.ท.จรูญ จะชี้แจงอย่างไร โดยจากการสอบสวนถ้าเป็นไปตามข้อกล่าวหาของครูปรีชา คือ ยักยอกทรัพย์ที่หล่นหาย และรับของโจร โดยข้อกล่าวหารับของโจรเพราะไม่รู้ว่าใครเก็บได้ ส่วนพยานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบข้อพิรุธ
เบื้องต้น ร.ต.ท.จรูญ บอกว่าจำไม่ได้ว่าซื้อกับแม่ค้าคนไหน ซึ่งขณะนี้เป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหา หาก ร.ต.ท.จรูญ สามารถชี้แจงได้ก็มาชี้แจง ส่วนภาพการซื้อหวยของครูปรีชาที่เป็นคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีภาพ มีแต่พยานบุคคล ขณะที่ประเด็นครูปรีชาจะแบ่งรางวัลให้กับ ร.ต.ท.จรูญ 15 ล้านบาท เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนแล้วไม่อาจชี้แจงเพราะต้องไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล










