
หนุ่มวัย 44 ปี ถูกทางราชการแจ้งว่าเสียชีวิต และครอบครัวได้เผาศพเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวโผล่ขอความช่วยเหลือบอก ยังมีชีวิตอยู่ เอกสารที่แจ้งตายน่าจะเกิดจากชาวเมียนมาแย่งบัตรประชาชนและหนีลงเรือไป ล่าสุด รพ. ออกมาชี้แจง ทำตามหลักฐานของพนักงานสอบสวน และมาตรฐานที่กำหนด ไม่ใช่การจ่ายศพผิดพลาด
จากกรณีที่นายเจริญ เหล็กดี อายุ 55 ปี พี่เขย พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้นำตัว นายสาคร สาชีวะ อายุ 44 ปี เข้าร้องทุกข์กับสื่อว่า นายสาครถูกทางราชการระบุว่าเสียชีวิตแล้วทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 ธ.ค. 60 ที่ผ่านมา เมื่อกลับมาถึงบ้านปรากฏว่า ญาติพี่น้องได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพชายคนหนึ่งที่ทางราชการระบุว่า เป็นศพของนายสาครและได้มีการทำบุญนำเอาอัฐิเข้าไว้ในเจดีย์เรียบร้อยแล้ว

โดยนายเจริญ (พี่เขย) ได้เล่าว่า “ได้รับข่าวจาก ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ว่าให้ไปรับศพของนายสาครที่คณะแพทย์ศาสตร์วชิระพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กรุงเทพฯ ที่เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวจึงเดินทางไปรับศพ โดยมีหนังสือรับรองการตาย และมีใบมรณบัตร
แต่ทั้งนี้ได้มีข้อสังเกตุว่า ศพดังกล่าวมีฟันยื่นออกมา ซึ่งนายสาคร จะมีฟันหลอด้านหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ศพตายหลายวันแล้วเริ่มบวมขึ้นอืดให้รับออกไปได้ จึงได้รับศพออกมาบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจที่วัดบ้านเหล่าฝ้าย จากนั้นนำอัฐิเข้าบรรจุในเจดีย์เรียบร้อยแล้ว
ทางด้าน นายสาคร ที่ญาติพี่น้องเข้าใจว่าตายไปแล้ว เล่าว่า “ระหว่างที่ทำงานอยู่ในเรือประมง ได้มีชายชาวเมียนมาที่ทำงานบนเรือประมงด้วยกันมาแย่งเอาบัตรประชาชนของตนเองไป และรีบขึ้นจากเรือประมงหนีไป จากนั้นตนได้ไปแจ้งความบัตรประชาชนหายและขอทำบัตรประชาชนใหม่ที่ อ.ขะนอม จ.นครศรีธรรมราช
หลังจากนั้น ทำงานอยู่บนเรือประมงนานประมาณ 1 ปี 2 เดือน จึงได้เดินทางกลับมาบ้านและพบว่า มีการเผาศพของชายไม่ทราบชื่อซึ่งเข้าใจว่าเป็นศพของตนไปแล้ว ตนจึงขอร้องทุกข์ขอชีวิตคืนให้ตนด้วย เพราะว่าตนยังไม่ได้ตายจริง”
https://www.youtube.com/watch?v=B7jzTtTf1dg
ล่าสุดวันนี้ (19 ธ.ค. 60) เวลา 13.00 น. ที่ว่าการ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ นายสว่าง ไกรษี ครูชำนาญการพิเศษ ร.ร.บ้านเหล่าฝ้าย พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้พานายสาครเดินทางไปพบกับนายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอโนนคูณ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การช่วยเหลือล่าสุดนั้น ได้มอบหมายให้ปลัดอาวุโสและปลัดฝ่ายทะเบียน เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามระเบียบกฏหมายอย่างเร่งด่วนที่สุด จากนั้นจะรายงานไปยังสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เพื่อให้คืนสิทธิ์ และจะแจ้งไปยังสำนักงานเขตที่ออกใบมรณบัตรเพื่อให้ยกเลิก เนื่องจากแจ้งผิดพลาด โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ”
ทางด้านนายสาครยอมรับว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือให้ตนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และตนดีใจที่ได้กลับมาบ้านและได้รับการต้อนรับจากญาติพี่น้องเป็นอย่างดี ต่อจากนี้ไปคงอยู่ที่บ้านเกิด เนื่องจากว่าตนมีอาการป่วยทางโรคประสาท ซึ่งจะต้องรอไปพบแพทย์ก่อนว่า อาการป่วยจะรักษาให้หายได้หรือไม่
ต่อมานายแพทย์สุรวุฒิ ลีฬหะกร ผู้อำนวยการ รพ.วชิรพยาบาล แถลงข่าวกรณีนี้ว่า เหตุการณ์นี้ รพ. ได้รับแจ้งจาก สน.นางเลิ้ง ให้ไปชันสูตรพลิกศพ ซึ่งหลักฐานผู้ตายมีสำเนาบัตรประชาชน บัตรพนักงาน รปภ. ฯลฯ ซึ่งระบุชื่อ “สาคร สาชีวะ” จึงได้ชันสูตร และนำศพเก็บเข้าตู้เก็บศพตามแนวทางปฏิบัติของ รพ.
ต่อมานายเจริญ เหล็กดี ที่ได้รับการติดต่อจากตำรวจก่อนหน้านี้ว่าเป็นญาติผู้ตาย จึงนำเอกสารมายืนยันว่าเป็นญาติกับผู้ตาย เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ให้นายเจริญตรวจศพผู้ตายที่ถูกระบุว่าเป็นนายสาคร นายเจริญไม่ได้โต้แย้ง และได้เขียนว่า “ถูกต้อง” ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมอบศพให้นายเจริญ
สรุปว่าการปฏิบัติงานของ รพ.วชิรพยาบาล คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาลมีขั้นตอนการรับศพจากภายนอกและการจ่ายศพให้ญาติ เป็นไปตามหลักฐานของพนักงานสอบสวนแจ้ง และเป็นไปตามมาตรฐานที่ รพ. กำหนด มิได้ดำเนินการจ่ายศพผิดพลาดแต่ประการใด










