
ประเด็นคือ- ตำรวจเตรียมตั้งทีมผู้ชำนาญงานกฎหมายตรวจสอบหลักฐาน โยงครูจอมทรัพย์ร่วมขบวนการสร้างแพะ ด้านพยานปากสำคัญครูจอมทรัพย์ ถูกดำเนินคดีรวม 7 ราย ยังปิดปากเงียบ ไม่มารายงานตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย. 60) พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชคุปต์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 สั่งการให้ พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรตำรวจภูธรภาค 4 ลงพื้นที่ร่วมประชุมหารือร่วมกับ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิติตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม รวมถึงคณะทำงานดำเนินคดีขบวนการรับจ้างทำผิดแทน และคณะอัยการจังหวัดนครพนม ในคดีครูจอมทรัพย์ เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับคำให้การกับตำรวจ รวมถึงคำเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ในการพิจารณาหลักฐานความผิดที่เชื่อมโยงไปยังครูจอมทรัพย์ หรือนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี หลังศาลฎีกาตัดสิน กรณีออกมาร้องขอความเป็นธรรมว่าตกเป็นแพะ แต่ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลฎีกาให้ครูจอมทรัพย์ผิด

ภายหลังทางหน่วยงานตำรวจจึงได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อเอาผิดกับขบวนการที่มีหลักฐานว่า รับจ้างทำผิดแทน ส่วนตัวครูจอมทรัพย์ จะผิดหรือไม่จะต้องรอการสอบสวนขยายผลจากขบวนการ รวมถึงเอกสารหลักฐานโดยละเอียด เบื้องต้นได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 7 ราย
ประกอบด้วย นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครูจอมทรัพย์ และยังมีหลักฐานเป็นบุคคลสำคัญในการตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดแทน พร้อมพวกรวมอีก 6 คน มี 1. นายสับ วาปี อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของครูจอมทรัพย์ และเป็นบุคคลสำคัญที่มีหลักฐานว่า เป็นคนจัดตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดในคดีครูจอมทรัพย์ 2. นางจัน วาปี อายุ 59 ปี ที่เป็นภรรยานายสับ วาปี 3. นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี 4. นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี 5. นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี พยานที่ยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ มีคนขับรถชนเป็นชาย ส่วนคนที่ 6 คือ นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามีของครูจอมทรัพย์ โดยมีการดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตามกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 267 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีการออกหมายเรียกมาพบพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นยังไม่มีใครติดต่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา

ด้าน พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชคุปต์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า คดีนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีกับขบวนการรับจ้างทำผิดแทน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน ว่ามีขบวนการรับจ้างทำผิดแทนจริง โดยมอบหมายตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินคดีไปแล้ว 7 ราย ที่เหลือ รวมถึงครูจอมทรัพย์ ต้องรอว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงถึงหรือไม่ หากเข้าข่าย ต้องดำเนินคดีด้วย ที่สำคัญ ที่มาของขบวนการดังกล่าวจากข้อมูลที่รู้มาจากผลประโยชน์ในเรื่องของเงินชดเชย หากครูจอมทรัพย์ไม่ผิด









