หลังจากที่ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง) มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 62 การหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ถือว่านับหนึ่งอย่างเป็นทางการ

โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น พรรคการเมือง จะต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่เกิน 35,000,000 บาท ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต แต่ละคน ต้องใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่เกิน 1,500,000 บาท
ส่วนเรื่องของการติดป้ายหาเสียง แม้จะมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งไว้แล้ว คือ 24 มี.ค. แต่พรรคและผู้สมัคร จะไม่สามารถติดป้ายหาเสียงได้ตามใจชอบ เพราะจะต้องปฏิบัติตาม “ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำ สถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งและสถานที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑”
เนื้อหาสำคัญของประกาศ คือ ต้องรอให้ ผอ.กกต.แต่ละจังหวัด กำหนดสถานที่ที่ติดแผ่นป้ายก่อน โดยการหารือร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ โดยต้องเลือกสถานที่ให้พอเพียง เหมาะสม คำนึงถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่กีดขวางทางจราจร
กำหนดขนาดป้าย 130×245 ซม. โดยผู้สมัครทำป้ายได้ไม่เกิน 2 เท่าของหน่วยเลือกตั้งในเขต พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 1 เท่าของหน่วยเลือกตั้งในเขต และต้องไม่ติดบังป้ายของพรรคอื่น หรือนอกจุดที่กำหนด
กรณีติดตั้งป้ายไม่ถูกต้อง และไม่ดำเนินการแก้ไขหลังรับแจ้งภายในกำหนด คณะกรรมการมีอำนาจในการรื้อถอนโดยคิดค่าใช้จ่ายกับผู้สมัครหรือพรรคการเมือง และอาจถูกนำเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ตามระเบียบ กกต.ด้วย
ส่วนป้ายขนาด A3 ให้จัดทำได้ไม่เกิน 10 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขต โดยให้ติดได้เฉพาะสถานที่ที่กำหนดไว้ เช่น หน่วยงานราชการ ที่ทำการหน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานอื่นๆ ได้สถานที่ละ 1 แผ่น
ป้ายที่ติด ณ ที่ทำการพรรคหรือสาขาพรรคการเมือง ติดได้สถานที่ละ 1 แผ่น ขนาดไม่เกิน 400×750 ซม.
สำหรับป้ายของผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ติดก่อนจะมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง (ก่อน 23 ม.ค.) ต้องปลดออกและทำให้ถูกต้องตามประกาศฯ
เลขาธิการ กกต.เคยอธิบายการกำหนดเกณฑ์เรื่องจำนวนป้ายและการติดป้ายหาเสียง ว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและความเป็นระเบียบเรียบร้อย









