
ทหารจากกองกำลังเทพสตรีเข้าช่วยเหลือชาวเมียนมาและชาวโรฮีนจา หลังถูกแก๊งค้ามนุษย์ทิ้งไว้บนเขาจดอดข้าวนานถึง 6 วัน
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก ร.ต.สุธานนนท์ พุ่มสร้าง หัวหน้าชุดจุดตรวจศิลาสลัก อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่าได้รับแจ้งจากพลเมืองดีในพื้นที่ ม.3 ต.มะมุ อ.กระบุรี ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย-เมียนมา ว่ามีชาวเมียนและชาวโรฮีนจาจำนวน 3 คน เดินลงมาจากภูเขามาขอน้ำและข้าวกินและยังมีเพื่อนๆ อีกเป็นจำนวนมากมากที่ยังอยู่บนเขาภูเขา สอบถามจึงทราบว่ามีชาวไทยนำคนกลุ่มนี้มาทิ้งไว้ อันเป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ทำการกดดันจับกุมอย่างหนักกับขบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมา
ทหารกองกำลังเทพสตรีสนธิกำลังร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปตรวจสอบจุดดังกล่าว เมื่อไปถึงพบชาวเมียนมาและชาวโรฮิงจาตามที่ได้รับแจ้งนั่งอยู่ที่หน้าบ้านประชาชนในพื้นที่ จึงทำการสอบถามจนทราบเรื่องราวในเบื้องต้น จากนั้นได้ให้ตัวแทนชาวเมียนมาและชาวโรงฮีนจาพาไปหาคนที่หลบซ่อนอยู่บนภูเขาพร้อมบอกว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนมาช่วยไม่ได้มาทำร้าย ทุกคนจึงออกมาจากที่ซ่อนบนภูเขา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำทั้งหมดมาที่จุดตรวจศิลาสลักพร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ระนอง มาตรวจสอบ พร้อมซื้ออาหารข้าวกล่องน้ำดื่มให้แก่ทุกคนรวมทั้งหมด 24 คน โดยเป็นผู้ชาย 20 คน และผู้หญิงอีก 4 คน ตามหลักสิทธิมนุษยธรรมที่ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดต้องได้รับการดูแลในเบื้องเบื้องต้นตามหลักสากล
หนึ่งในชาวเมียนมาบอกกับเจ้าหน้าที่ว่ามีชาวเมียนมาที่รู้จักกันบอกกับตนว่าสามารถหางานให้ทำที่ประเทศมาเลเซียได้ แต่ต้องจ่ายเงินคนละ 20,000 บาทเพื่อเป็นค่าเดินทาง เมื่อไปถึงประเทศมาเลเซียให้ทุกคนเลือกงานที่อยากจะทำได้ ซึ่งพวกตนนั่งเรือลักลอบมาจากประเทศเมียนมาจากนั้นมาเจอคนไทยพาขึ้นบนภูเขาบอกให้รอแล้วก็หายไป ไม่มารับจนต้องอดข้าวอดน้ำเป็นเวลาถึง 6 วันจนต้องเดินลงมาจากภูเขาเพื่อขอข้าวขอน้ำจนมาเจอเจ้าหน้าที่ทางการไทยพามากินข้าวกินน้ำ ซึ่งต่างด้าวที่สื่อสารกับเจ้าหน้าที่บอกว่าจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกแล้วเพราะโดนหลอกมา

ด้าน พ.ต.ท.ชิติพัทธ์ ยางสวย สว.สืบสวน ตม.ระนอง กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวหลังจากนี้จะนำตัวต่างด้าวทั้งหมดไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระนอง จากนั้นจะแยกกันทำการสอบสวนทุกคนถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ และจะทำการประสานทางการเมียนมาถึงเรื่องราวดังกล่าว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พอจะทราบชื่อบุคคลทั้งที่เป็นชาวเมียนมาที่คอยจัดหาคนมา เพื่อให้ทางการเมียนมาทำการจับกุมคนกลุ่มดังกล่าวดังกล่าว มาทำการสอบสวนว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากประเทศไทยและประเทศเมียนมาร่วมมือกันแก้ปัญหาในเรื่องการค้ามนุษย์เป็นสำคัญ









