
ข้อมูลจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) พบจำนวนผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้เกือบ 4 ล้านคน และเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี 2 แสนคน สาเหตุที่ไม่ยอมชำระหนี้ เนื่องจากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเงินให้ฟรี, รายได้ไม่เพียงพอ, ขาดวินัย และไม่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบในการใช้เงินคืนกองทุน กยศ.
การอภิปรายหัวข้อ “อนาคตเด็กไทย กับ กยศ.ยุคใหม่” จัดโดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ร่วมกับ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้ความรู้เบื้องต้น และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาททางเลือกให้แก่บุคลากรทางการศึกษา โดยตัวแทนจากมหาวิทยาลัย ระบุว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของการกู้ยืมเงิน เป็นเรื่องการปลอมเอกสารหนังสือเซ็นค้ำประกัน และใบรับรองรายได้
ทำให้มหาวิทยาลัยต้องพิจารณาจะให้กู้ยืมเป็นรายบุคคล และต้องเข้มงวดมากขึ้น เพราะบางรายอ้างอิงว่า ครอบครัวยากจน แต่ความเป็นจริงนั้น มีรายได้เกินจากที่กำหนดให้กู้ยืมได้ ดังนั้น ขอความร่วมมือนักศึกษา หากครอบครัวพอมีฐานะ หรือมีกำลังมากพอ ควรเลี่ยงการกู้ยืมเงินจากกองทุนดังกล่าว เพื่อเปิดโอกาสให้ครอบครัวที่มีฐานะยากจนได้รับสิทธิ์

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ขอความร่วมมือนักศึกษาทุกคนที่กู้ยืมเงิน ให้มีวินัยต่อการผ่อนชำระหนี้ เพื่อป้องกันปัญหาการค้างชำระหนี้ และเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดี
ปัจจุบันมีผู้กู้ยืมเงินกองทุน กยศ.ที่ครบกำหนดชำระหนี้แล้วจำนวนกว่า 3.6 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ และศาลมีคำพิพากษาแล้ว 1.2 ล้านคน
และขณะนี้มีผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดและไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีแล้วประมาณ 2 แสนคน และยังมีผู้กู้ยืมที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีประมาณ 1 ล้านคน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาพิพากษาคดีปกติของศาล









