จากความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในการช่วยเหลือทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง ภายใต้การบัญชาการของ ผวจ.เชียงราย นักวิชาการจึงเสนอแทรกเนื้อหาองค์ความรู้ด้านภัยต่างๆ และระบบการจัดการที่ดีเข้าไปในบทเรียนของเยาวชน
วันที่ 5 ก.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รูปแบบการบริหารจัดการช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ถือว่าถูกจับตาเป็นอย่างมาก เพราะการปฏิบัติตามแผนโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นผู้บัญชาการ มีความยืดหยุ่นที่ถือเป็นข้อดีของการประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน จึงมีข้อเสนอการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไทยสามารถพัฒนาศักยภาพบุคลากรได้อีกมาก
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เปิดเผยระบบการจัดการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย สามารถจัดการได้ดี และเห็นข้อดีของการประสานความร่วมมือกับทุกหน่วย ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และเห็นบทบาทการกู้ชีพ ระบบสาธารณสุข ทหาร ตำรวจ หน่วยซีล แบ่งหน้าที่ชัดเจน โดยเสนอถอดบทเรียนที่เกิดขึ้น พร้อมพัฒนาบุคลากรให้พร้อมกับทุกภัย
รศ.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านยุทธศาสตร์และนวัตกรรม จุฬาฯ
รศ.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านยุทธศาสตร์และนวัตกรรม จุฬาฯ บอกว่า บทเรียนครั้งนี้ทำให้เห็นว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำ คือ สิ่งที่มีความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ แม้บ้านเรามีอุปกรณ์ไม่พร้อม แต่ด้วยการสร้างเครือข่ายและการประสานกับต่างประเทศเข้าช่วยเหลือ ทำให้เราได้ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ใหม่ขึ้น
ดังนั้น อนาคตไทยต้องพยายามสร้างเครื่อข่ายนานาชาติ พร้อมส่งเสริมบุคลากรเข้าไปเรียนรู้ทักษะของต่างประเทศมากขึ้น
นักวิชาการยังกล่าวอีกว่า ไทยต้องเตรียมพร้อมทั้งก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัยให้ดี หากมีโอกาสเป็นไปได้ควรสอดแทรกเนื้อหาองค์ความรู้ด้านภัยต่างๆ และระบบการจัดการที่ดีเข้าไปในบทเรียนของเยาวชนด้วย
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews
