
ระดับน้ำโขง ใน จ.บึงกาฬ เพิ่มสูงขึ้นใกล้จุดวิกฤต น้ำทะลักท่วม 8 อำเภอ ทำให้พื้นที่การเกษตรจมน้ำเสียหาย เกือบ 6 หมื่นไร่ ขณะที่กรมเจ้าท่าเตือน ควรระมัดระวังในการเดินเรือ
วันที่ 1 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.บึงกาฬ ในเช้าวันนี้ พื้นที่ อ.ปากคาด มีระดับน้ำ 12.30 เมตร ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากวานนี้ (31 ส.ค.) 5 ซม. ห่างจากระดับตลิ่ง 0.70 เมตร ในพื้นที่ อ.เมืองบึงกาฬ ระดับน้ำ 13.31 เมตร ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 7 ซม. ห่างจากจุดวิกฤต 0.69 เมตร ระดับน้ำที่ยังสูงจึงส่งผลกระทบให้น้ำในลำห้วยต่างๆ ไม่สามารถไหลลงสู่แม่น้ำโขงได้ดี เป็นเหตุให้เอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง
เช่น ที่นาข้าวของ นายประสาน แก้วจำปา อายุ 60 ปี ที่มาอาศัยเช่าที่นาบริเวณบ้านพันลำ ม.2 ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ ทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว กข.6 ทั้งหมดกว่า 97 ไร่ ต้องจมอยู่ใต้น้ำนานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งชาวบ้านได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำไม่ท่วมแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ปีนี้ถือว่าน้ำท่วมหนัก ต้นข้าวที่ปักดำไว้เน่าตายแน่นอน โดยคาดว่าปีนี้จะขาดทุนหนัก และอาจต้องซื้อข้าวกินก็เป็นได้

ล่าสุด นายวิจารณ์ เหล่าธรรมยิ่งยง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.บึงกาฬ หรือ ปภ. ได้สรุปสถานการณ์น้ำเอ่อท่วมในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ ของ จ.บึงกาฬ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจ อีก 2 อำเภอ มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ เป็นนาข้าว 50,654 ไร่ พืชไร่ 6,120 ไร่ พื้นที่ประมงหรือบ่อปลา 789 ไร่/บ่อ พืชอื่นๆ เช่นปาล์มน้ำมัน 1,518 ไร่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 59,081 ไร่ มีผู้ได้รับผลกระทบ 8,038 ครัวเรือน 29,439 คน ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่าหนองคายและบึงกาฬ ได้คุมเข้มผู้ประกอบการเรือโดยสารข้ามฝั่งไทย-ลาว หลังได้รับการแจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่จะเพิ่มสูงขึ้นและไหลเชี่ยว โดยกำชับให้เรือโดยสารใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ ไม่ควรบรรทุกหรือรับผู้โดยสารเกินกว่ากฎหมายกำหนดโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พรบ.การเดินเรือ และกำชับให้ผู้โดยสารทุกคนสวมใส่เสื้อชูชีพให้ถูกต้องทุกครั้ง ในระหว่างโดยสารเรือข้ามไปมา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันได้









