
ประเด็นคือ – สัตวแพทย์พร้อมเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็กโฮ รถไถ มาปรับพื้นที่ข้างลำคลองชมพูให้มีความลาดเอียงน้อยลง เพื่อให้ช้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เนื่องจากช้างเริ่มมีแรงมากขึ้นแล้ว หลังจากลูกช้างป่าถูกน้ำป่าพัดพาลอยไปตามกระแสน้ำ อยู่ในคลองชมพู จนเกือบจะหมดแรงจมน้ำ
จากกรณีที่เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พบช้างป่าถูกน้ำป่าพัดพาลอยตามกระแสน้ำอยู่ในคลองชมพู ไม่สามารถขึ้นมาบนฝั่งได้ เบื้องต้นพบว่าเป็นลูกช้าง คาดว่าน่าจะเป็นช้างป่าในพื้นที่เขตอุทยานทุ่งแสลงหลวงที่พลัดหลงกับแม่ช้างและเดินพลัดตกลำห้วยไหลมาตามคลองชมพู จมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน เริ่มหมดเรี่ยวแรง และจะจมน้ำ พยายามชูงวงขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อหายใจเป็นครั้งคราว

ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาดูเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลทำให้ช้างตัวนี้ตกใจ นายชาญวิทย์ แสงสร้อย เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หน.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล เดินทางมาตรวจสอบและได้กันประชาชนไม่ให้เข้าไปใกล้ และได้ประสานไปยังสัตวแพทย์เพื่อให้รีบเข้ามาตรวจสอบให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดนั้น
ล่าสุด นายเหลียง น่วมอ้น อายุ 60 ปี อาชีพควาญช้างเก่า อาสาลงไปคล้องเขือกกับช้างขึ้นจากน้ำ เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่าช้างจะล้มสิ้นใจตายก่อนสัตวแพทย์มาถึง

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการช่วยช้างป่าสีดอ ไม่มีงา เพศผู้ อายุประมาณ 9 – 10 ปี ถูกน้ำป่าซัดมาจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง แล้วมาติดอยู่ที่คลองชมพู ม.3 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และไม่สามารถขึ้นมาได้ เนื่องจากช้างอ่อนแรง และตลิ่งค่อนข้างชัน

ทางสัตวแพทย์ คือ น.ส.ดุสิตา ชินเจริญดี นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการประจำสำนักบริหารและอนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำรถแบ็กโฮ รถไถ มาปรับพื้นที่ข้างลำคลองชมพู ให้มีความลาดเอียงน้อยลง เพื่อเป็นจุดให้ช้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เนื่องจากช้างเริ่มมีแรงมากขึ้นแล้ว หลังจากช่วงแรกอาจจะตื่นกลัวเสียงชาวบ้าน พร้อมกับเปลี่ยนแผน โดยจะใช้วิธีการขับไล่ช้างให้เตลิดขึ้นมาจากคลองเอง ด้วยการตีน้ำในคลอง พร้อมกับจุดไฟป้องกันไม่ให้ช้างเข้าใกล้หากขึ้นมาบนฝั่งได้แล้ว ซึ่งหากช้างขึ้นมาแล้วอาจเตลิดไม่รู้ทิศทาง ตรงเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้









