
วันที่ 7 ก.ย. 2559 ปู่คออี้ (นั่งรถเข็น) และชาวกะเหรี่ยงบางกลอย จ.เพชรบุรี ไปฟังคำพิพากษาที่ศาลปกครองกลาง
ประเด็นคือ – ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเผาบ้านชาวกะเหรี่ยง คนละ 10,000 บาท ชี้ ‘ปู่คออี้-พวก’ ไร้เอกสารยืนยัน ทำให้ไม่มีสิทธิในพื้นที่พิพาท
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 ศาลปกครองสูงสุดนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก หลังชาวบ้านยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 ระหว่าง นายโคอิ หรือคออี้ มีมิ อายุ 106 ปี ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ชาวไทยพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายกระเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ผู้ฟ้องคดี กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกฟ้อง กรณีเผาทำลายทรัพย์สินยุ้งฉางผู้ฟ้องทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามโครงการขยายผลการอพยพผลักดันหรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตามแนวชายแดนไทย – สหภาพเมียนมาร์ ที่มีชื่อเรียกว่า ยุทธการตะนาวศรี ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2554

แฟ้มภาพ จนท.อุทยานฯ เผาทำลายทรัพย์สินชาวกะเหรี่ยงบางกลอย
ตุลาการผู้แถลงคดี เห็นว่า แม้ว่าผู้ฟ้องจะอ้างว่า บรรพบุรุษตั้งถิ่นฐานมาช้านาน แต่ไม่มีเอกสารยืนยันได้ว่าครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวมาก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี 2524 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามติ ครม. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2553 ทำให้ผู้ฟ้องทั้งหกคนไม่มีสิทธิในพื้นที่ตามที่อ้าง ส่วนการดำเนินการรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงเห็นควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคนละ 10,000 บาท

แฟ้มภาพ จนท.อุทยานฯ เผาทำลายทรัพย์สินชาวกะเหรี่ยงบางกลอย
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2554 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เดินทางไปยังบ้านของผู้ฟ้อง และหัวหน้ากรมอุทยานฯแก่งกระจาน ได้สั่งให้ผู้ฟ้องออกจากบ้าน โดยไม่มีลายลักษณ์อักษร ก่อนทำการจุดไฟเผาทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของผู้ฟ้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้นเคยมีคำพิพากษาว่าการเผาทำลายทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่เป็นการละเมิดโดยใช้อำนาจกฎหมาย
ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าวชายขอบ









