
ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เผยการทำฝนหลวงในทุ่งกุลามีปัญหา ต้องอาศัยฝูงบินพิเศษทำฝนเม็ดเย็นมาใช้
วันที่ 21 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า นายบุญจันทร์ พรมดี ผู้ใหญ่บ้านบ้านนกเหาะ-ไร่อ้อยพัฒนา หมู่ 11 ต.ดงครั่งใหญ่ อ.เกษตรวิสัย เผยว่า ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อนาข้าว 3,500 ไร่ ของเกษตรในพื้นที่ จนได้รับความเดือดร้อนหนักคิดเป็น 70 % ของพื้นที่ เบื้องต้นมีปัญหาข้าวแห้งตายไปแล้วเกือบทั้งหมดในปีนี้ จากสภาวะที่นาและคลองระบายน้ำจากลำน้ำเสียว และลำน้ำพลับพลาขาดแคลนน้ำ ทั้งนี้ตั้งแต่หลังฤดูการเก็บเกี่ยวปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน น้ำในคลองยาวกว่า 20 กม.ที่เคยผันน้ำจากลำพลับพลา ผ่าน 4 ต.ทุ่งกุลา คือ ต.ทุ่งทอง, ต.กำแพง, ต.ดงครั่งใหญ่ และต.ดงครั่งน้อย จ.ร้อยเอ็ด ไปจนถึงเขต อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จึงได้ร้องขอให้ทางสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัยร้องให้หน่วยฝนหลวงเข้ามาช่วยเหลือ

น.ส.วาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ล่าสุดด้าน น.ส.วาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่บินสำรวจสภาพภูมิอากาศและสภาพพื้นผิวดินที่ขาดแคลนน้ำฝน พร้อมเผยว่าว่า ตอนนี้หน่วยทำฝนหลวงทั้ง 4 หน่วยที่รับผิดชอบทำฝนเทียมแก้ปัญหาภัยแล้งของภาคอีสาน ได้ระดมทีมมาจัดทำฝนหลวงในพื้นที่ตอนกลางของภาคอีสาน โยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งกำลังมีการดำเนินเร่งทำฝนหลวงเพื่อเป็นเร่งการแก้ปัญหา

นอกจากนี้น.ส.วาสนา วงษ์รัตน์ ยังกล่าวอีกว่าการทำฝนหลวงในเขตพื้นที่ทุ่งกุลร้องไห้ร้อยเอ็ด นับว่ามีปัญหามากที่สุด เบื้องต้นได้สั่งการให้เพิ่มปริมาณการผลิตฝนเทียมให้มากขึ้น โดยจะใช้เครื่องบินที่เรียกว่า Super King Air จำนวน 2 ลำ ยิงพลุซิลเวอร์ไอโอไดด์เข้าไปในยอดเมฆเพื่อที่จะทำให้โอกาสของการมีฝนตกในปริมาณเพิ่มขึ้นจากเมฆที่เรียกว่าเมฆเย็นซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิค ที่จะนำเข้ามาใช้แก้ปัญหาเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ที่มีปัญหาในลักษณะแบบทุ่งกุลาร้องไห้เพื่อให้มีปริมาณฝนที่ตกมากขึ้นจนสามารถแก้ปัญหาได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้









