ผอ.แจง ดูแลเด็กถูกถีบหน้าอกจนสลบเป็นอย่างดี หลังถูกวิจารณ์ไม่พาส่ง รพ.

ผอ.แจง ดูแลเด็กถูกถีบหน้าอกจนสลบเป็นอย่างดี หลังถูกวิจารณ์ไม่พาส่ง รพ.

ในประเทศ

โลกออนไลน์วิจารณ์ ครูไม่ยอมพาเด็กนักเรียนไปโรงพยาบาล ทั้งที่เด็กหายใจไม่ออกจนสลบ พ่อเด็กโทรเรียกรถพยาบาล ผอ.บอกทำข้ามหน้าข้ามตาโรงเรียน  ด้านโรงเรียนออกมาชี้แจง ดูแลเด็กเป็นอย่างดีตามขั้นตอน

กลายเป็นที่วิพาษก์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.อุดรธานี หลังจากเฟซบุ๊กชื่อ “Nam Nam” ได้โพสต์ภาพของเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมีอาการคล้ายคนอ่อนแรง โดยผู้โพสต์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้น้องต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ และไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบทันท่วงที

https://youtube.com/watch?v=mVmxWX4hTpw

ผู้โพสต์ระบุว่า “ไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับน้องตัวเองเลยจริงๆ มีเด็กกระโดดถีบหน้าอกน้อง หลังจากนั้น น้องหน้าซีดตัวเกร็งหายใจไม่ออก ไม่มีครูคนไหนโทรหาผู้ปกครอง จนน้องสลบ มีคนไปตามพี่สาวของน้องซึ่ง เรียนโรงเรียนเดียวกัน เห็นสภาพของน้องที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน พี่สาวน้องโทรหาแม่พร้อมเล่าอาการเลยบอกให้ครูเรียกรถพยาบาลก่อนที่แม่จะไปถึงเพราะบ้านอยู่ไกล

แต่รอง ผอ. บอกว่าไม่มีรถ คือ ซึ่งครูบอกให้ดูอาการทั้งๆ ที่น้องร้องไห้ หายใจไม่ออกจนสลบ พ่อของน้องจึงได้โทรให้รถพยาบาลมารับพร้อมกับขับรถมาจากที่ทำงาน พอรถโรงบาลมารับ ครูกับบอกว่าทำข้ามหน้าข้ามตาโรงเรียน ทั้งๆ ที่พอไปถึงหมอ หมอบอกว่าถ้ามาช้าแค่ 5 นาที สมองน้องจะขาดออกสิเจน #เหตุเกิดที่รร. #ครูคิดว่าน้องไม่เป็นไร #น้องนู๋เกือบตาย #ณรร.เทศบาลแห่ง 1 ในเมืองอุดรธานี”

ทำให้ผู้ที่พบเห็นโพสต์ดังกล่าว เข้าไปแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งระบุถึงความไม่มีน้ำใจ ทำไมไม่รีบช่วยเด็ก บางคนก็บอกว่า โรงเรียนดังกล่าวอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล แต่ทำไมจึงไม่รีบพาเด็กไปหาหมอ มีการแชร์โพสดังกล่าวออกไปมากกว่า 25,000 ครั้ง ทำให้มีคนสนใจโพสดังกล่าวจำนวนมาก

ล่าสุดผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานีเดินทางไปที่โรงเรียน โรงเรียนเทศบาล 3 บ้านเหล่า เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวจาก นางสาวอารีรัตน์ นุตะภิบาล ผอ.โรงเรียน เปิดเผยว่า

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 เด็กนักเรียนหญิง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถูกเด็กนักเรียนชายที่ตัวโตกว่าใช้เท้าถีบหน้าอก โดยเด็กอาจจะมีสภาวะเครียด จึงเจ็บหน้าอกและเป็นลม หลังเกิดเหตุ เพื่อนๆ นักเรียนก็วิ่งมาตามครูที่ห้องพักครู นำตัวเด็กไปที่ห้องพยาบาล และโทรตามรถพยาบาลตามกระบวนการขั้นตอน โดยพี่สาวของเด็กหญิงคนดังกล่าว เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดียวกัน จึงโทรตามพ่อด้วยโทรศัพท์ของครู

เมื่อพ่อมาถึงและเห็นว่ารถพยาบาลว่าทำไมยังมาไม่ถึง คงเกิดความร้อนใจ เพราะเห็นว่าลูกอาจจะมีสภาวะที่อ้าปากหายใจแรง ร้องไห้ตลอด มีความกังวล จึงโทรศัพท์แจ้งเรียกรถพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ทางพ่ออาจจะเข้าใจว่า ทางโรงเรียนไม่ได้ตามรถพยาบาล แต่เป็นเพราะทางพ่อโทรตามเอง รถพยาบาลจึงมา

อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่า ทางครูและโรงเรียน ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเร่งรัด และให้ความสำคัญในการตามรถพยาบาล เมื่อรถพยาบาลนำส่ง ครูก็ตามไปดูแล 2 คน ไม่ใช่ไม่ไปดูแล และก็ไม่ใช่ทางโรงพยาบาลมาตามครูไป ครูเราไปเอง ตนได้กำชับว่า ครูต้องตามไปดูแลให้เรียบร้อย และเด็กก็ออกจากโรงพยาบาลในช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ ไม่ได้นอนค้างที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด เพราะทางหมอดูอาการแล้วว่า ไม่มีอะไรรุนแรง

นางสาวอารีรัตน์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนก็นัดผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกันที่โรงเรียน และมีการทำข้อตกลงขอค่าทำขวัญค่าเสียหาย ซึ่งมีการตกลงจ่ายเงินกันเรียบร้อย จำนวนเงิน 10,000 บาท ทางโรงเรียนเองก็ขอโทษขอโพย ทางผู้ปกครองเด็กเข้าใจ และยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จบเรื่องไปแล้ว

ส่วนเรื่องการโพสต์ภาพข้อความดังกล่าว ทาง ผอ. กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้ปกครองพบว่าคนโพสต์ คือ หลานที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งทางผู้ปกครองบอกจะไปคุยกับคนโพสต์ ถึงข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลาประมาณ 13.00 น. วันนี้ มีความเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊กต้นเรื่อง ระบุข้อความว่า “ขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่รักน้อง เราซาบซึ้งในทุกแรงใจเป็นอย่างยิ่ง เราดำเนินการกับคู่กรณีไปแล้ว และเราได้คุยกับ ผอ. แล้ว และทางโรงเรียนได้รับเรื่องและรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว และเราต้องขออภัยที่ต้องลบโพสต์ไป ต่อจากนี้ขอให้มันเป็นไปตามกระบวนการค่ะ”

 

 

 

 

 

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง