ผู้ว่าฯ ราชบุรี เอาจริง! จ่อเอาผิดคนลอบเผาทุกกรณี หลังค่าฝุ่นพิษพุ่งสูงต่อเนื่อง

ผู้ว่าฯ ราชบุรี เอาจริง! จ่อเอาผิดคนลอบเผาทุกกรณี หลังค่าฝุ่นพิษพุ่งสูงต่อเนื่อง

ในประเทศ

ผู้ว่าฯ ราชบุรี เดินหน้าใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศห้ามเผาทุกกรณีในที่โล่งแจ้ง ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมเตรียมขึ้นบินสำรวจ ใน 5 อำเภอที่มีการร้องเรียนสูง หลังคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

วันที่ 30 ม.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละอองที่มีขาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 เมื่อเวลา 01.00 น. พบว่าคุณภาพอากาศที่เมืองราชบุรี อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 สูงอย่างต่อเนื่องและคงที่อยู่ราว 80–85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐานที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีมวลรวม AQI 170–190 อยู่ในระดับพื้นที่สีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลจากการรายงานของเว็บไซต์ air4thai ของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานค่าเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมง โดยจุดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่นละออง อยู่ภายในสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 8 จังหวัดราชบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี

จากผลกระทบดังกล่าวทำให้หลายภาคส่วนได้บูรณาการร่วมกันเพื่อที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อทำให้อากาศดีขึ้นและค่า PM 2.5 ลดลง โดยในช่วงระยะนี้ประชาชนในหลายพื้นที่ของ จ.ราชบุรี โดยเฉพาะอำเภอที่มีการทำนาข้าวและไร่อ้อยที่เกษตรกรจะจุดไฟเผาตอซังนาข้าว และไร่อ้อย เพื่อที่จะเคลียร์พื้นที่เพื่อทำการเพาะปลูกในรอบใหม่ ทำให้การเผาเกิดกลุ่มควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเกิดฝุ่นละออง ทั้ง PM10 และ PM 2.5 รวมถึงจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเป็นผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปได้ นอกจากนี้ ยังพบการร้องเรียนของประชาชนว่า บางพื้นที่มีการเผาขยะหรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ ก่อให้เกิดกลุ่มควันในที่โล่ง หรือ ชุมชน รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และโรงโอ่ง โรงอิฐ ที่มีการเผาเชื้อฟืนในกระบวนการผลิต และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ว่าราชการ จ.ราชบุรี ได้ออกคำสั่งประกาศจังหวัดสั่งห้ามเผาไร่นา หรือ สิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดกลุ่มควันจำนวนมาก โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษหนักคดีอาญา

แต่ปัจจุบันยังคงพบว่าหลายพื้นที่ยังมีการเผาในที่โล่งแจ้งอยู่ และมีประชาชนร้องเรียนว่าตามสถานที่ชุมชนและไร่นายังมีการเผาโดยไม่สนใจคำสั่งหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด ล่าสุด จ.ราชบุรี ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยมีสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 8 จ.ราชบุรี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อุตสาหกรรมจังหวัด และ สาธารณสุข จ.ราชบุรี สถานีตำรวจภูธร จ.ราชบุรี และ สำนักงานขนส่งจังหวัด เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก

เบื้องต้น ได้มีการเชิญตัวแทนโรงงานอุตสาหกรรม สมาคมเครื่องเคลือบดินเผา สมาคมโรงโอ่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย และกลุ่มโรงโม่หินต่างๆ มาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อให้เกิดฝุ่นน้อยที่สุด ซึ่งการดำเนินการทางชุดเคลื่อนที่เร็วจะเข้าทำการสุ่มตรวจสถานประกอบการ โรงงานต่างๆ แบบจู่โจมเพื่อตรวจสอบการฝ่าฝืนกฎหมายแอบปล่อยควันที่ไม่เป็นไปตามคุณภาพของกรมโรงงาน ส่วนโรงโอ่งทางสมาคมและสมาชิกเครือข่ายจะร่วมกันแก้ไขด้วยการสลับวันกันเผาและตรวจสอบกลุ่มควันที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ที่อาจทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ในส่วนโรงโม่หินต่างๆ ก็จะใช้รถน้ำฉีดดักฝุ่นทั้งช่วงเช้าและเย็น และใช้ผ้าคลุมเพื่อไม่เกิดการหลุดล่วงสู่พื้นถนนแ ละอาจจะก่อให้เกิดค่า PM 2.5 ได้

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการ จ.ราชบุรี กล่าวว่า วันนี้ได้พาสื่อมวลชนมาดูความคืบหน้าของการดำเนินการแก้ไขปัญหา และข้อสงสัยในเรื่องของเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่หลายคนสงสัยว่าที่ราชบุรีมีกี่เครื่อง จ.ราชบุรี เรามีเครื่องตรวจวัดคุณภาพ โดยเฉพาะ PM 2.5 เพียงเครื่องเดียวที่โชว์ใน air4thai กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเป็นเครื่องที่ตรวจวัดคุณภาพแบบรายงานค่าเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมง ส่วนผลรายงานจากแอพพลิเคชั่นที่มีการแชร์ในขณะนี้ ยังไม่สามารถเป็นเครื่องยืนยันว่าถูกต้องและแม่นยำหรือไม่ หากประชาชนต้องการทราบข้อมูลที่ถูกต้องสามารถเข้าไปดูที่ air4thai หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว

นายชยาวุธ กล่าวอีกว่า จากการได้รับเรื่องร้องเรียนว่ายังมีผู้ที่ลักลอบเผาในที่โล่งแจ้งและมองได้ด้วยตาเปล่า รวมไปถึงจากที่ประชาชนไปพบเห็นแล้วนำมาโพสต์ตามหาผู้กระทำความผิด โดยช่วงระยะนี้ตนจะขึ้นบินด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อสำรวจในพื้นที่ทั้ง 5 อำเภอในกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายและพื้นที่ที่มีการทำนาข้าวจำนวนมาก หากพบจุดใดมีการลักลอบเผาถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัด เพื่อบินสำรวจและพบก็จะแจ้งให้ทางผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการทันที

ส่วนในเรื่องที่มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า เห็นกลุ่มควันจำนวนมากลอยออกจากโรงไฟฟ้าราชบุรี ขึ้นสู่งท้องฟ้าจำนวนมาก จากการเข้าไปตรวจสอบภายในโรงไฟฟ้าราชบุรี ทราบข้อเท็จจริงว่า กลุ่มควัญที่เห็นลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศนั้น เป็นไอน้ำที่ระเหยขึ้นจากปล่องที่มีพัดลมขนาดใหญ่เพื่อช่วยระบายไอน้ำ จนเห็นเป็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ ในขณะที่กระบวนการผลิตด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเตาในการเผาไหม้ ได้หยุดผลิตไปตั้งแต่ปี 2560 แล้ว

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าฯ ราชบุรี เอาจริง! จ่อเอาผิดคนลอบเผาทุกกรณี หลังค่าฝุ่นพิษพุ่งสูงต่อเนื่อง