
ผู้สมัครสอบนักการภารโรง รร. แห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ และชาวบ้านบางส่วน ร้องเรียน การสอบแข่งขันส่อทุจริต ไม่โปร่งใส ชี้กรรมการคุมสอบเป็นเครือญาติผู้สมัครคู่แข่ง ทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์กันเอง
วันนี้ (23 มิ.ย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเที่ยง เส็งประโคน อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้สมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวปฏิบัติหน้าที่นักการภารโรง ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และชาวบ้านในหมู่บ้าน ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดสอบแข่งขันนักการภารโรง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา

ซึ่งมีผู้สมัครสอบแข่งขันเพียง 2 คน แต่เชื่อว่ากระบวนการขั้นตอนการสอบไม่มีความโปร่งใสเป็นธรรม เช่น คณะกรรมการคุมสอบซึ่งมีการคัดเลือกแต่งตั้งไว้ทั้งหมด 8 คน มาทำหน้า 7 คน และ ผอ.โรงเรียนอีก 1 คน แต่ส่วนใหญ่กรรมการฯ เป็นเครือญาติกับผู้สมัครคู่แข่ง ทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์หรือช่วยเหลือผู้สมัครคู่แข่ง โดยเฉพาะการสอบภาคปฏิบัติ ที่กำหนดให้ผู้สอบแข่งขันได้สอบปฏิบัติงานช่างไม้ ช่างปูน ช่างเชื่อม และช่างไฟฟ้า ก็มีคนมาคอยพูดบอกให้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการสอบทั้งข้อเขียน ภาคปฏิบัติ และสอบสัมภาษณ์ เวลาประมาณสี่โมงเย็นเศษๆ ในวันดังกล่าว ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านตามปกติ ต่อมารุ่งเช้าเวลาประมาณ 07.30 น. นายเที่ยงได้ขับรถส่งหลานไปโรงเรียนตามปกติ ก็พบว่าได้มีการติดประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกการสอบแข่งขันนักการภารโรงแล้ง ซึ่งนายเที่ยงระบุว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ ทั้งๆ ที่เสร็จสิ้นการสอบ 4 โมงเย็นแล้ว พร้อมตั้งคำถามว่ากรรมการไปรวบรวมคะแนนตอนไหน พอรุ่งเช้าก็มีชื่อผู้ได้รับเลือกมาติดไว้แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาราชการด้วยซ้ำ

นายเที่ยงจึงเชื่อว่ากระบวนการสอบแข่งขันนักการภารโรงครั้งนี้ไม่มีความโปร่งใสเป็นธรรม ทั้งเรื่องกรรมการคุมสอบที่เป็นเครือญาติของผู้สมัคร และการประกาศผลคะแนน ก็ไม่มีการแจ้งรายละเอียดหรือประกาศให้ทราบชัดเจน
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ได้ร้องเรียนไปยังผู้ตรวจสอบแผ่นดิน และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแล้ว หากมีการตรวจสอบพบว่าขั้นตอนการสอบไม่โปร่งใสจริง ก็อยากให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง เพราะถึงแม้จะเป็นเพียงสอบลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งนักการภารโรง แต่หากดำเนินการไม่โปร่งใสก็ควรจะทำให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

ขณะที่ นายสมัย เทพตาแสง และนายบุญชู เอกะ กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนดังกล่าว บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะเป็นการสอบคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราวปฏิบัติงานตำแหน่งนักการภารโรง แต่ก็ควรจะดำเนินการให้โปร่งใสและเป็นธรรมกับผู้เข้าสอบทุกคน ให้อยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน
แต่เท่าที่เห็นพบว่า การคัดเลือกบุคคลเข้าไปทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการคุมสอบ ส่วนใหญ่ก็เป็นเครือข่ายกับผู้สมัครอีกคน หากโปร่งใส่จริงต้องใช้คณะกรรมการกลาง เพื่อไม่ให้เกิดผลได้ผลเสียกับผู้สมัครฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า การติดประกาศผลสอบหรือผลคะแนน ก็ควรจะทำอย่างเปิดเผยมากกว่านี้
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือให้ทางโรงเรียนออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนการสอบ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาบานปลาย แต่หากพบว่าดำเนินการไม่โปร่งใสจริงก็ควรจะให้การสอบครั้งนี้เป็นโมฆะ แล้วจัดสอบใหม่เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย









