
หนุ่มเจ้าของร้านขายของชำตกใจนึกว่าโจรปล้น หลังผู้ใหญ่บ้านเมากร่างถือปืนลูกซองบุกร้าน แถมขู่จะสั่งปิด
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.61 ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “นายบ่ ฮู่” ได้โพสต์ลงโซเชียล โดยภาพจากกล้องวงจรปิดพบชายคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาภายหลังทราบว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านน้ำภู ได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไม่ทราบรุ่น ขี่เข้ามาภายในร้านขายของชำชื่อว่า “ครัวคิดถึงน้ำภู” อยู่ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.เมือง อ.เมือง จ.เลย จากนั้นก็เดินถือปืนลูกซองยาวเดินเข้าไปในร้าน โดยมีเจ้าของร้านนั่งอยู่ภายในร้านพร้อมกับลูกชายวัย 2 ขวบ อยู่ภายในร้าน
https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/262566997617595/
จากนั้นในคลิปก็ได้มีการพูดคุยกันระหว่างเจ้าของร้านกับผู้ใหญ่บ้านนานกว่า 10 นาที จากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็เดินถือปืนลูกซองยาว กลับไปขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่จอดอยู่ตอนแรกขี่ออกไป ทั้งนี้ในโพสต์ยังระบุข้อความอีกด้วยว่า “กูผู้ใหญ่ ใครกล้าหือ.. หมู่ 10 บ.น้ำภู ต.เมือง จ.เลย เมาแล้วกร่าง”
ล่าสุดวันนี้ (29 ต.ค.61) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายสหพร นิยะโมสถ อายุ 64 ปี เจ้าของโพสต์ ซึ่งเล่าว่า เขาเปิดร้านขายของชำ โดยที่หน้าร้านจะมีซุ้มไม้ไผ่ 2 ซุ้ม เพื่อให้ชาวบ้านและเด็กที่มาซื้อของที่ร้านมานั่งเล่น Wifi ฟรี โดยก่อนเกิดเหตุได้มีเด็กมานั่งเล่น Wifi จนเกิดทะเลาะกันตามประสาเด็ก

จากนั้นมีผู้ปกครองเด็กรายหนึ่งไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน จนผู้ใหญ่บ้านลักษณะดื่มสุราเมา ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาที่ร้านพร้อมปืนลูกซองยาว และที่เอวคาดกระสุนปืนลูกซองจำนวนหนึ่ง มาบอกว่าที่ร้านเปิดให้เด็กมามั่วสุม เดี๋ยวจะสั่งปิดร้านเลย คุยสักพักก็ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไป ซึ่งตอนนั้นเขาก็ตกใจนึกว่าใครจะเข้ามาปล้น จนมาทราบภายหลังว่าชายคนที่บุกเข้ามาเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 บ้านน้ำภู ต.เมือง อ.เมือง จ.เลย ชื่อ นายบุญโฮม ขามสุรา อายุ 57 ปี โดยเพิ่งจะมาเป็นผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น
ด้านนายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเมืองได้เรียก นายสหพร นิยะโมสถ เจ้าของร้านขายของชำ และนายบุญโฮม ขามสุรา อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านคู่กรณีที่มีปัญหามาพูดคุยสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น และพิจารณาว่าผู้ใหญ่บ้านทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น ต่อหน้าฝ่ายปกครองและตำรวจ ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น นายอำเภอเมืองแจ้งว่า เป็นการเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน โดยทั้งสองฝ่ายทำความเข้าใจกันและขอโทษซึ่งกัน และจับมือกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ

โดยนายบุญโฮม ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ในวันนั้นที่เขาได้รับการร้องเรียนว่า ที่ร้านมีการมั่วสุมและทะเลาะวิวาทของวัยรุ่น ในฐานะผู้ใหญ่บ้านตนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และได้เรียกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไปด้วย แต่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าไม่ได้ดื่มเหล้าหรือข่มขู่ร้านค้าแต่อย่างไร ซึ่งตนพูดคุยกับเจ้าของร้านขอความร่วมมืออย่าให้เด็กมามั่วสุม จากนั้นก็เดินออกมาและขี่จักรยานยนต์พ่วงกลับ นอกจากนี้นายบุญโฮม ยังบอกอีกว่า ตนคงจะไม่ฟ้องเจ้าของร้านชำกลับเนื่องจากเห็นเป็นลูกบ้าน และมีการพูดคุยเจรจากันจนเข้าใจกันแล้ว









