พนักงานปรับตัวหลังธนาคารพาณิชย์ ทยอยปิดกว่า 220 สาขา

พนักงานปรับตัวหลังธนาคารพาณิชย์ ทยอยปิดกว่า 220 สาขา

ประเด็นคือ – ธนาคารพาณิชย์ควบรวมปิดสาขาไปแล้วไม่น้อยกว่า 220 สาขา หลังปัจจุบันระบบทางการเงินพัฒนามากขึ้น เช่น การสแกนคิวอาร์โค้ทผ่านเเอพพลิเคชั่นธนาคาร การโอนเงินและจ่ายค่าบริการ ซึ่งเหล่านี้ทำได้ทันที ทำให้บางคนไม่จำเป็นต้องไปธนาคารเเล้ว

วันที่ 18 ธ.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เพิ่มความสะดวกสบายทางการเงินให้กับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ถือว่ากดดันธุรกิจการเงินเเละพนักงานธนาคาร ต้องปรับบทบาทเเละเรียนรู้การให้บริการลูกค้าที่ต้องทำให้ได้หลากหลายมากขึ้น เป็นความท้าทายของธนาคารพาณิชย์ทุกเเห่ง เมื่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเเละพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลายธนาคารปรับลดจำนวนสาขา พร้อมกับปรับโฉมสาขา รองรับกระแสดิจิตอลแบงก์กิ้ง ทำให้พนักงานของธนาคารพาณิชย์ ต้องเข้า ฝึกทักษะบริการ ให้คำปรึกษา ลูกค้าธุรกิจ เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ เเละเเนะนำการลงทุน

ซึ่งที่สำคัญ พนักงานทุกคน ต้องปรับทัศนคติการให้บริการใหม่ เพราะขณะนี้ ผู้บริโภค หรือลูกค้า มีเพียง สมาร์ทโฟนก็สามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมทางการเงินได้ไม่ยาก ปัจจุบัน มีผู้ใช้โมบายแบงกกิ้ง กว่า 35 ล้านบัญชี จากจำนวนผู้ฝากเงินธนาคารทั้งระบบ 90 ล้านบัญชี คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้ใช้บริการธนาคาร ใช้ธนาคารออนไลน์ พนักงานธนาคารบางส่วนจึงต้องเเนะนำเเละขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับลูกค้าเเทนการทำหน้าที่เดิมๆ

ประธานสมาคมธนาคารไทย เผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะพนักงานถูกกดดันให้หารายได้ ชดเชยค่าธรรมเนียม ที่หายไปจากพร้อมเพย์ และธุรกรรมบนโมบายแบงก์กิ้ง 1 หมื่นล้านบาท แต่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภค และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ ควบรวมสาขา และปิดไปแล้วรวมกว่า 220 สาขา มีพนักงานธนาคารออกจากระบบไม่น้อยกว่า 1 พัน 3 ร้อยคน จากทั้งหมด 7-8 พันคน

ไม่เพียงคิวอาร์ โค้ด พร้อมเพย์ และโมบายแบงก์กิ้ง ที่กำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมธนาคาร แต่ขณะนี้ เริ่มนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ในบางตำแหน่งแล้ว

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง