ถ้าโจทย์คือ เด็กจบใหม่ ต้นทุนเป็นศูนย์ ไม่รู้จะเริ่มอะไร แต่ “อยากรวย” คำตอบแรกที่ง่ายที่สุดคือ ต้องเริ่มจากการเก็บความรู้จากคนที่ผ่านสนามจริงมาแล้ว เพราะประสบการณ์ของคนอื่นช่วยย่นระยะทางให้เราได้แบบมหาศาล
ล่าสุดในช่อง YouTube ของ Mr. Phoops มีตอนหนึ่งที่ ‘ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Bitkub มาแชร์วิธี “หาเงินให้เป็น” แบบคนที่เริ่มจากศูนย์ แต่คิดแบบนักธุรกิจ
TODAY Bizview ขอหยิบแนวคิดที่น่าสนใจจากบทสนทนามาถอดใจความระหว่างบรรทัดและสรุปให้เข้าใจง่าย ว่า ถ้าเริ่มต้นไม่มีทุน คุณยังสร้างโอกาส สร้างเงิน และสร้างความรวยได้อย่างไร
[ สำรวจตัวเองก่อนว่าเรามีสกิลเซตอะไร ]
‘ท๊อป จิรายุส’ แนะนำว่าก่อนจะเริ่มต้นหาเงินหรือสร้างความมั่งคั่ง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ สำรวจเงื่อนไขของตัวเอง ว่าเรามีสกิลอะไรอยู่ในมือบ้าง เพราะแต่ละคนมีสกิลเซตไม่เหมือนกัน และสกิลที่เรามีจะกำหนดเส้นทางสร้างรายได้ของเรา
โดยเฉพาะคนที่ เริ่มต้นจากศูนย์บาท สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้หลัก “ใช้เงินของคนอื่น (Use Other People’s Money –UOPM)” มาช่วยสร้างและขยายความมั่งคั่ง แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราต้องรู้ก่อนว่าอยู่ในทักษะไหนของ 3 ทักษะใหญ่
-
-
-
-
- Create Wealth ทักษะการสร้างความมั่งคั่งก้อนแรก นี่คือสเตจเริ่มต้นของทุกคนที่ไม่มีทุน เรียกว่า “เอาแรงแลกเงิน” เป็นการใช้ แรงงาน (Labor) หรือ ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ที่เรามีเป็นทุนตั้งต้น เช่น เราถนัดเขียนโค้ด ออกแบบ ทำคอนเทนต์ ให้คำปรึกษา ก็เอาส่วนนี้ไปหาเงิน เป็นฟรีแลนซ์หรือ ขายของออนไลน์ ทำงานพิเศษ และอื่นๆ ตัวอย่างวิธีสร้างเงินก้อนแรกที่ผู้ก่อตั้งหลายคนเริ่มจากการ “ลงแรงก่อน” แลกเป็นหุ้น (Sweat Equity) คือยังไม่มีเงิน แต่มีเวลา มีทักษะ ก็เข้าไปทำงาน แลกกับส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัท พอธุรกิจเริ่มมีผลงาน ก็สามารถนำหุ้นตรงนั้นไปช่วยระดมทุนจากนักลงทุนได้ภายหลัง
- Grow Wealth ทักษะการขยายความมั่งคั่ง เป็นสเตจที่ใช้ “เงินต่อเงิน” ผ่าน การลงทุน แต่ทักษะนี้ “ยังไม่เหมาะ” กับคนที่มีเงินเริ่มต้นน้อย เช่น 5,000–10,000 บาท เพราะผลตอบแทนจะเติบโตช้ามาก ทักษะนี้ต้องใช้ความรู้ลึก เช่น ถ้าลงหุ้น ต้องเข้าใจ PE Ratio, DE Ratio, DCF หรือถ้าลงคริปโต ต้องเข้าใจ Public/Private Key ซึ่ง Grow Wealth คือทักษะสำคัญ แต่ควรทำหลังจากมีเงินก้อนพอสมควรแล้ว แต่อย่าง วอเรนต์ บัฟเฟต์นักลงทุนระดับโลกก็มีความรู้และถนัดด้านนี้เลยลงทุนแบบนี้เลย
- Macro Decision Skills ทักษะการตัดสินใจระดับมหภาค นี่คือทักษะที่เด็กจบใหม่มักไม่รู้ว่ามันสำคัญมาก เพราะการตัดสินใจ “ถูกทิศ” จะสร้าง ผลทบต้น (Compounding) ให้กับชื่อเสียง ความเชี่ยวชาญ และรายได้
-
-
-
[ ใช้ “เงินของคนอื่น” ให้เป็น คือกุญแจของคนเริ่มจากศูนย์ ]
ต่อมาสำหรับคนที่ไม่มีทุนตั้งต้นเลย ‘ท๊อป จิรายุส’ ย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจหลักการ “ใช้เงินของคนอื่น” (Use Other People’s Money – UOPM) ให้เป็น เพราะนี่คือเครื่องมือเร่งสปีดที่สตาร์ทอัพระดับโลกใช้เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุน การตั้งโครงสร้างธุรกิจ หรือการต่อรอง เพื่อให้เติบโตได้แม้ไม่มีเงินในมือ แต่มีไอเดีย มีแรง และมีสกิลเป็นทุนตั้งต้น
การเริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งสำหรับคนที่ไม่มีทุน ต้องอาศัยสกิล Create Wealth เป็นรากฐานก่อน สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในช่วงแรกไม่ใช่เงิน แต่คือ “แรง” และ “ความเชี่ยวชาญ” ที่เรานำไปใช้แลกมูลค่าได้จริง
หลายธุรกิจเริ่มต้นจาก Sweat Equity หรือการทำงานลงแรงแลกหุ้น โดยผู้ก่อตั้งใช้เวลาของตัวเองแทนเงินทุนเพื่อช่วยพาธุรกิจให้มีผลงานจนสามารถนำไประดมทุนได้ภายหลัง แต่การมีแรงอย่างเดียวไม่พอต้องมี ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ที่พิสูจน์ได้ว่าคุณมีความสามารถจริง เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าเงินที่เขาลงทุนจะถูกนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการเข้าหา เครือข่ายที่ถูกต้อง (The Right Network) เพราะการพูดคุยกับกลุ่มนักลงทุนที่ “มองหาสิ่งที่เราทำ” จะเพิ่มโอกาสปิดดีลได้เร็วขึ้น เราต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนด้วยว่ากับนักลงทุนก่อนว่าพวกเขาต้องการอะไร ไม่ใช่พูดเฉพาะสิ่งที่เราอยากได้ เพราะถ้าเราเจอคนที่ใช่ บางครั้งนักลงทุนอาจตัดสินใจลงเงินให้ทันทีแทบไม่ต้องทำ Due Diligence เพิ่มอีกด้วยซ้ำ
อีกเทคนิคที่ ‘ท๊อป จิรายุส’ แบ่งปันคือ “วิศวกรรมทางการเงิน” (Financial Engineering) ซึ่งทำให้สตาร์ทอัพสามารถซื้อกิจการหรือระดมทุนได้ โดยแทบไม่ต้องใช้เงินของตัวเองเลย เช่น ใช้เงินจากระบบนิเวศในการซื้อกิจการ แทนที่จะกู้เงินจากธนาคาร ให้หาว่า “ใครใน Ecosystem” ที่จะได้รับประโยชน์หากการเข้าซื้อกิจการสำเร็จ
ตัวอย่างเช่น การทำข้อตกลงกับซัพพลายเออร์หลัก (Factory) โดยเสนอสัญญาการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จาก 5 ล้านเป็น 20 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อแลกกับเงินสดที่ซัพพลายเออร์จะจ่ายให้ 5 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการคู่แข่ง ทำให้ผู้ประกอบการได้เป็นเจ้าของธุรกิจโดยใช้ “เงินจากอากาศ” (เงินของคนอื่น) ซึ่งเกิดเป็นสถานการณ์ Win-Win
“ที่สำคัญห้ามตั้งมูลค่าบริษัทด้วยตนเอง เพราะจะทำให้คนซื้อรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ”
อย่างไรก็ตาม สื่งที่จำเป็นอีกเรื่องคือเลือกอุตสาหกรรม Industry ที่เราจะเริ่มต้นให้ดีๆ ด้วย ‘ท๊อป จิรายุส’ แนะว่า อุตสาหกรรมที่เติบโตจะต้องมี “พาย” (ตลาด) ที่ใหญ่มากพอที่จะทำให้ผลประโยชน์ ไหลลงมาถึงคนที่มีความสามารถ “โง่ที่สุด” ในอุตสาหกรรมนั้นได้
ตัวอย่าง อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตมีการเติบโตเป็น 1,000% ต่อปี ติดต่อกัน 20 ปี พายตลาดใหญ่มากจนแม้แต่คนที่ช้าที่สุด ซื่อบื้อที่สุด หรือมีความสามารถน้อยที่สุด ก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้
“เพราะความสำเร็จในระยะยาวไม่ได้มาจากการเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่มาจากการอยู่กับอุตสาหกรรมที่เติบโตยาวนานที่สุด”
และอย่าพลาดที่จะใช้ “ทักษะการตัดสินใจระดับมหภาค” (Macro Decision Skills) ที่บอกไปตอนต้น ทั้งที่จริงแล้วมีผลต่อโอกาสรวยมากที่สุด การเลือกอุตสาหกรรมที่กำลังโต เลือกประเทศที่มูลค่าธุรกิจขยายได้ไกลกว่า
เลือกเครือข่ายคนที่ทำให้เราเติบโต เป็นตัวกำหนดเส้นทางระยะยาว เพราะถ้าอยู่ถูกอุตสาหกรรม อยู่ถูกที่ และอยู่ถูกคนความสำเร็จจะเกิด “ผลทบต้น” (Compounding) ทั้งด้านรายได้ ประสบการณ์ และชื่อเสียง
อีกหนึ่งเรื่องที่ ‘ท๊อป จิรายุส’ ให้ข้อคิดไว้ก่อนปิดท้ายคือ อย่าทำธุรกิจกับเพื่อนสนิท ญาติ หรือคนสำคัญ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนที่เริ่มธุรกิจกับเพื่อนหรือคนรู้จักมักจะเกิดปัญหา เพราะความสนิทสนมทำให้ “ไม่เกรงใจ” กัน และกล้าที่จะล้ำเส้นกันมากกว่าการทำธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จัก
ทำให้สุดท้ายแม้จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยกันได้ แต่ก็มักจะต้อง “แตกหักกันอยู่ดี” แม้ในกรณีที่ดีที่สุด ก็อาจจะต้องแยกตัวออกจากกัน โดยให้คนใดคนหนึ่งบริหารไป แต่ยังคงถือหุ้นอยู่
ทั้งหมดนี้คืออีกหนึ่งแนวทางสำหรับคนที่เริ่มจากศูนย์ก็ยังมีโอกาสไปได้ไกล ถ้ารู้จักใช้สกิล Create Wealth สร้างเงินก้อนแรก ใช้หลักการยืมเงินคนอื่นมาขยายธุรกิจ และใช้ Macro Decision นำทางตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่มี “พายก้อนใหญ่” ที่สุด










