ตำรวจภูธรภาค 1 กำชับงานจราจร 5 จังหวัด เพิ่มมาตรการตรวจสอบรถยนต์ควันดำที่วิ่งบนท้องถนน รวมถึงการบรรทุกสิ่งของตกหล่นบนผิวการจราจร ทำให้เกิดฝุ่นละออง หลังลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.ภ.1 ได้เรียกประชุมรอง ผบก.ภ. ในสังกัดที่รับผิดชอบงานจราจร และหัวหน้างานจราจรทุก สภ.ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 มากำชับและดำเนินการป้องกันมลพิษจากฝุ่นละออง พร้อมทั้งมีการมอบหน้ากากอนามัย N95 จำนวน 1,000 ชิ้น
สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน มีผลต่อสุขภาพก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ซึ่งจังหวัดในความดูแลของตำรวจภูธรภาค 1 ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 5 จังหวัด คือ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี อยุธยา และสระบุรี โดยได้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับรถยนต์ควันดำในท้องถนน รวมถึงการบรรทุกสิ่งของตกหล่นบนผิวการจราจรทำให้เกิดฝุ่นละออง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานไปยังกรมควบคุมมลพิษ กรมทางหลวง แขวงการทาง แขวงการทางชนบลชนบท เพื่อนำเครื่องตรวจจับควันดำไปใช้ในการตรวจสอบ และมีการตั้งด่านจุดตรวจอย่างเคร่งครัด โดยเริ่มมีการตั้งด่านตั้งแต่วันที่16 มกราคม เป็นต้น ไปจำนวน 10 สถานีนำร่อง
นอกจากนี้ ต้องทำการตรวจสอบท้องที่ต่าง ๆ จุดที่มีการเผาหญ้า เผานา อาจจะต้องขอความร่วมมือในการหยุดและมีการระดมฉีดน้ำเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง และประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ เข้าทำหารตรวจสอบโรงงานว่ามีค่าฝุ่นละอองเกินมาตราฐานหรือไม่ พร้อมกันนี้ยังได้มอบหน้ากากอนามัย N95 ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนน โดยเฉพาะในพื้นที่ทีมีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน เพื่อรักษาสุขภาพอนามัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งต้องออกปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนบนถนนตลอดเวลา จำนวน 1,000 ชิ้น
ทั้งนี้ ได้มีการประชุมเตรียมดำเนินการตามโครงการ “สวมหมวกนิรภัย 100 % ตำรวจภูธรภาค 1” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในต่างจังหวัดทั้ง 9 จังหวัด ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อลดการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ และความรุนแรงจากอุบัติเหตุทางถนน อันเกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์ และให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงความปลอดภัย และมีวินัยด้านการจราจร โดยจะมีการรณรงค์พร้อมกันทุก สภ. ในวันจันทร์ที่ 21 มกราคม เป็นต้นไป
โดยการรณรงค์จะเข้าไปประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ กับกลุ่มอาชีพผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง สถานที่ราชการ สถานศึกษา สถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนในพื้นที่ ให้ความร่วมมือในโครงการดังกล่าว และหลังจากที่ได้มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มดำเนินการกวดขับจับกุมอย่างจริงจัง
