
ระบบการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาของไทย มีการเปลี่ยนแปลงระบบมาแล้วหลายรูปแบบ จนถึงระบบที่เรียกว่า “ทีแคส” (TCAS) ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง ย้อนดูระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กไทยต้องผ่านมาแล้ว กี่ระบบ
ดั้งเดิมในการรับเด็กจบ ม.6 หรือเทียบเท่า เพื่อเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ใช้วิธีเดียว คือ “รับตรง” มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะกำหนดหลักเกณฑ์ในการรับนักศึกษาเอง
ปี 2504 เริ่มมีระบบกลาง หรือที่เรียกว่า “เอนทรานซ์” ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ในขณะนั้นร่วมกันจัดทำระบบกลางขึ้นมา จากนั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้เข้าร่วมในระบบกลางนี้
ปี 2516 เมื่อเกิด “ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ” จึงมีการวางระบบเอนทรานซ์ อย่างเป็นทางการ โดยเอนทรานซ์ในยุคนั้น เมื่อสอบแล้วสามารถเลือกคณะที่อยากเข้าได้ 6 อันดับ และเป็นการสอบได้ครั้งเดียว
ปี 2542 เกิดปฏิรูประบบเอ็นทรานซ์ ครั้งใหญ่ ยุคนี้สามารถสอบได้ 2 ครั้ง ให้ใช้คะแนนครั้งที่ดีที่สุด 90 % รวมกับคะแนน GPA หรือ คะแนนจากผลการเรียนตลอดหลักสูตรระดับมัธยมปลาย 10 % เลือกคณะได้ 4 อันดับ และเก็บคะแนนสะสมได้ 2 ปี
แต่เอนทรานซ์ยุคปฏิรูปนี้ ได้สร้างปัญหาสำคัญขึ้น คือ ครูในโรงเรียนมัธยมศึกษาสอนไม่ทัน ทำให้นักเรียนหันไปพึ่งความรู้จากโรงเรียนกวดวิชาอย่างมาก
ปี 2549 เริ่มเปลี่ยนมาใช้ระบบ “แอดมิชชั่น” ครั้งแรก เป็นระบบที่ออกแบบมา เพื่อหวังแก้ปัญหาให้นักเรียนมาใช้เวลาในห้องเรียนมากขึ้น โดยระบบแอดมิชชั่น กำหนดว่า ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องใช้คะแนนเกรดเฉลี่ยสะสม หรือ GPAX คือเกรดเฉลี่ยทุกวิชาที่เรียนตลอดหลักสูตรมัธยมปลาย รวมกับ เกรดเฉลี่ยกลุ่มสาระ GRA ถึง 30 %
นอกจากนี้ ต้องสอบ A-NET คือแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง และ O-NET แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน โดยส่วนนี้เด็กทุกคนต้องสอบ แต่สัดส่วนในการใช้คะแนน A-NET และO-NET แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด
จากนั้น ในปี 2553-2555 แอดมิชชั่น ได้ลดคะแนนในส่วนเกรดเฉลี่ยสะสม หรือ GPAX เหลือ 20 % เพิ่มคะแนน O-NET เป็น 30 % ยกเลิกการสอบ A-NET เปลี่ยนเป็นการสอบ GAT (การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป) และ PAT (การสอบวัดความถนัดเฉพาะวิชาการและวิชาชีพ) เก็บคะแนนได้ 2 ปี สอบได้ 4 ครั้ง ต่อมาลดลงเป็น 3 และ 2 ครั้ง แต่ไม่ตอบโจทย์ กลุ่มสถาบันการแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) จึงจัดสอบความถนัดทางแพทย์และอีก 7 วิชาเอง ขณะที่มีมหาวิทยาลัย หลายแห่งเปิดการรับตรงมากขึ้น เมื่อส่วนกลางใช้ระบบนี้
ปี 2556-2559 แอดมิชชั่น ใช้ข้อสอบกลาง แต่ปี 2558 เพิ่มวิชาที่ต้องสอบเก็บคะแนน จาก 7 วิชาสามัญ เป็น 9 วิชา และมีการสอบ O-NET และเริ่มมีระบบ เคลียริงเฮ้าส์ หรือ การยืนยันสิทธิ์ เพื่อป้องกันการกันที่ หรือ กั๊กที่นั่ง
ทั้งนี้ ระบบแอดมิชชั่นและเอนทรานซ์ เลือกตั้งคณะที่ต้องการได้ 4 ลำดับเหมือนกัน
และ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. ประกาศใช้รูปแบบรับศึกษาใหม่ เรียกว่า ระบบ ทีแคส TCAS (Thai University Central Admission System ) มี 5 ขั้นตอน คือ
- คัดเลือกโดยการส่งแฟ้มสะสมผลงาน ไม่มีการสอบข้อเขียน มหาวิทยาลัยจะคัดเลือกเอง
- สมัครโควต้า มีสอบข้อเขียน เปิดให้นักเรียนในพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่
- การรับตรงร่วมกัน สอบตรง รวมกับ โครงการรับตรงกลุ่มกสพท. (กลุ่มแพทย์) เลือกได้ 4 สาขาวิชา และต้องเคลียริงเฮ้าส์สิทธิ์
- การรับแอดมิชชั่น ใช้เกณฑ์แบบระบบแอดมิชชั่น โดยมีคะแนน GPAX, O-NET, GAT/PAT
- การับตรงอิสระ มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีเกณฑ์การสอบที่จัดขึ้นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









