
รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ทำไฟดับครึ่งเมืองประจวบคีรีขันธ์ คนขับกระเด็นออกนอกรถอาการสาหัส จนท.เร่งหาสาเหตุ
วันที่ 15 พ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.อ.อาวรณ์ เขียวไปรเวช สารวัตรสอบสวน สภ.สามกระทาย รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถบรรทุก 6 ล้อ ชนเสาไฟฟ้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และไฟฟ้าดับไปหลายตำบลของ อ.กุยบุรี โดยเหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้า กทม. บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 271+250 บ้านฟากนา ม.7 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี กู้ภัยตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขากุยบุรีและสาขาสามร้อยยอด
ที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 6 ล้อ แบบตู้ห้องเย็น ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 70-8567 เชียงใหม่ ตกไปอยู่ข้างทาง สภาพด้านหน้าชนอัดติดอยู่กับเสาไฟจนหักลงมาพาดกับรถ กระจกหน้าแตกทั้งบาน ส่วนหัวรถพังยุบตามรอยเสาไฟฟ้า ห่างจากตัวรถไปทางด้านหน้า ประมาณ 5 เมตร พบร่างชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเป็นแผลขนาดใหญ่ที่ขาขวา กระดูกหัก 2 ท่อน ทางกู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลและเร่งนำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ทราบชื่อต่อมาคือ นายธนกร จีนไชยยา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.9 ต.หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว

นอกจากนี้ ในรถยังพบชายอีกคนนั่งมาด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลจากเศษกระจกบาดที่นิ้วมือข้างขวาเพียงเล็กน้อย ทราบชื่อคือ นายธงชาติ เกิดในวงศ์ ทางด้านเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ต้องเร่งนำรถเครนและอุปกรณ์ซ่อมบำรุงมาจาก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการเร่งเปลี่ยนเสาไฟต้นที่ถูกชน ซึ่งได้ทำการต่อกระแสไฟเปิดให้ประชาชนได้ใช้ และตัดกระแสเฉพาะช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ โดยได้เร่งทำการซ่อมบำรุงในทันที เพราะเนื่องจากเป็นเวลาที่ชาวบ้านเริ่มตื่นมาทำภารกิจต่างๆ แล้ว
ด้าน นายธงชาติ ที่นั่งมากับรถเล่าว่า ตนเองกับ นายธนกร ไปส่งสินค้ายัง จ.ภูเก็ต กำลังเดินทางกลับเข้า กทม. ในรถเป็นตะกร้าเปล่าสำหรับใส่สินค้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยระหว่างทางได้มีการสับเปลี่ยนกันขับรถ โดยก่อนหน้านี้ได้แวะพักนอนที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ไม่ไกลจากนี้ ส่วนตอนเกิดเหตุนั้นตนเองก็ยังหลับอยู่ จึงไม่ทราบว่า เป็นเพราะสาเหตุใดรถจึงตกลงข้างทางชนเสาไฟ มารู้สึกตัวก็ตอนชนเสาไฟเสียงดังสนั่น และคนขับกระเด็นออกมานอกรถแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกปากคำไว้เบื้องต้น และจะทำการสอบสวนหาสาเหตุอีกครั้งหนึ่งต่อไป









