
ประเด็นคือ- ตำรวจรวบหนุ่มโปแลนด์วางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ หน้าห้างโลตัสเอ็กซ์เพรส สาขากรุงเทพกรีฑาชิงเงินสดในตู้เอทีเอ็ม 314,100 บาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (26 ก.ย. 60) ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว 1 คน คือ นายกราคจานพาเวล สเตนิสซิวสกี อายุ 38 ปี ชาวโปแลนด์ เป็นผู้ขับขี่รถ จยย.และผู้ก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ ชิงเงินสดในตู้เอทีเอ็ม หน้าห้างโลตัสเอ็กซ์เพรส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. ก่อนฉกกล่องบรรจุเงินสดจากเซฟไป 314,100 บาท ท้องที่ สน.ประเวศ เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างการขอศาลออกหมายจับคนร้ายและจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนี้ในวันนี้ 27 ก.ย. 60 ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป

รายงานข่าวจากชุดสืบสวนประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ ระบุว่า คนร้ายที่ก่อเหตุไม่ใช่คนไทย โดยเริ่มแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเช็กย้อนหลังก่อนวันเกิดเหตุไป 3 วัน พบว่าวันที่ 11 และ 12 ก.ย. ตรวจพบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยลักษณะเป็นชาวต่างชาติขับขี่รถ จยย.มาดูลาดเลา ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนลงมือก่อเหตุช่วงเช้ามืดวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา

ซึ่งจากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายใช้แก๊สหุงต้มจากถังแก๊สร้านไก่ย่างที่อยู่ใกล้เคียงกับตู้เอทีเอ็มดังกล่าว แล้วต่อสายอัดแก๊สเข้าไปในตู้เอทีเอ็ม จากนั้นก็ราดน้ำมันเบนซินจากตู้เอทีเอ็มมาเป็นทาง ก่อนใช้ไฟแช็กจุดไฟไหม้ไปถึงตู้เอทีเอ็มที่อัดแน่นด้วยแก๊สจนระเบิด นำเอากล่องเงินแล้วขี่รถ จยย.หลบหนีไป

จากการสืบสวนยังพบอีกว่า คนร้ายได้ศึกษาการระเบิดตู้เอทีเอ็มดังกล่าวจากเว็บไซต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง และพบว่าเตรียมการก่อเหตุด้วยการซื้อสติกเกอร์สีขาวมาติดลายรถ จยย. และติดตัวเลขที่แผ่นป้ายทะเบียนเพื่ออำพรางสายตา พร้อมกับซื้อหมวกกันน็อก 2 ใบ โดยคนร้ายมีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา และพักอาศัยที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะมาที่ประเทศไทยเป็นบางครั้ง
ภายหลังก่อเหตุ คนร้ายได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียในวันที่ 17 ก.ย. ก่อนย้อนกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ย.

เมื่อฝ่ายสืบสวนแน่ชัดในพยานหลักฐานจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 26 ก.ย. คนร้ายได้ปรากฏตัวที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งภายในซอยรามคำแหง 50 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.4 จึงเข้าควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนคนร้ายให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถเอาผิดคนร้ายได้









