Gen Z และ Millennials คือเหยื่อสแกมมากที่สุดในยุค AI เมื่อเทคโนโลยีที่พวกเขารู้ดีที่สุด กลายเป็นเครื่องมือหลอกพวกเขาเอง
“คนรุ่นดิจิทัลอย่าง Gen Z และ Millennials ตกเป็นเหยื่อสแกมมากที่สุด” นี่คือผลสำรวจจาก บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังอย่าง Malwarebytes ซึ่งน่าจะทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะในความเข้าใจของเรา คนที่ดูมีโอกาสจะตกเป็นเหยื่อขบวนการสแกมเมอร์ มักจะเป็นผู้สูงอายุ หรือคนที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี
บทความนี้ TODAY จะพาไปหาคำตอบว่า ทำไมเหยื่อของขบวนการสแกมเมอร์ยุคใหม่ ถึงกลายเป็นคนรุ่นที่ ‘รู้เทคโนโลยีดีที่สุด’ แทนที่จะเป็นคนรุ่นก่อนอย่างที่เราคิด
โลกที่ของปลอมเหมือนจริงเกินไป
หลังกรณีนักศึกษาชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตที่กัมพูชา สื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่า จำนวนคนหนุ่มสาวเกาหลีใต้ที่หายตัวไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ พบว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีชาวเกาหลีใต้ราว 2,000–3,000 คนเดินทางไปกัมพูชา และยังไม่กลับประเทศ
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า วัยรุ่นเกาหลีใต้ออกไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง กัมพูชา เมียนมา หรือเวียดนาม เพราะเชื่อว่าจะได้งานรายได้สูง
แต่หลายคนกลับโชคร้าย เพราะเมื่อไปถึงปลายทาง พวกเขากลับพบว่า แหล่งหาเงินที่ฝันเอาไว้กลายเป็น ‘ศูนย์สแกม’ ที่ถูกใช้กักขังและบังคับให้พวกเขาทำงานหลอกคนอื่นแทน โดยองค์กรอิสระด้านอาชญากรรมไซเบอร์รายงานว่า มีศูนย์สแกมและคาสิโนผิดกฎหมายในกัมพูชามากกว่า 200 แห่ง หลายแห่งถูกระบุว่าเชื่อมโยงกับทุนจีนและขยายเครือข่ายตามชายแดน
จุดน่าสนใจของเรื่องนี้คือ เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับเทคโนโลยี พวกเขาไม่ได้ถูกหลอกด้วยอุบายซับซ้อน แต่ด้วย ‘สิ่งที่ดูเหมือนจริง’ ตั้งแต่ข้อความรับสมัครงานที่มีตราบริษัท ไปจนถึงสัญญาจ้างที่ดูถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ของปลอมแทบไม่ต่างจากของจริง
และนี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกฟากหนึ่งของโลก ในสหรัฐฯ บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดัง Malwarebytes พบว่า 7 ใน 10 ของคนที่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงหรือรีดไถทางออนไลน์ ตั้งแต่การข่มขู่แบล็กเมลล์ทางเพศ ไปจนถึงการใช้เสียงและภาพปลอม คือคนรุ่น Gen Z และ Millennial
โดยวิธีการหลอกลวงที่สแกมเมอร์ใช้ คือการใช้ AI สร้างเสียง ภาพ และข้อความให้เหมือนมาจากคนรู้จักจริง ตั้งแต่เสียงโทรขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด ไปจนถึงข้อความขู่เผยแพร่ภาพลับที่ตัดต่ออย่างแนบเนียน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า คนรุ่นที่เข้าใจเทคโนโลยีดีที่สุด กำลังกลายเป็นกลุ่มที่ไม่ทันเกมมากที่สุด
เมื่อความมั่นใจ กลายเป็นจุดอ่อน
ข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะ Gen Z และ Millennials คือกลุ่มที่รู้จักเทคโนโลยีดีที่สุด แต่ผลสำรวจของ Malwarebytes กลับพบว่า 58% ของคนในกลุ่มนี้เคยถูกเล็งเป็นเป้าหมายของสแกม และ 28% เคยตกเป็นเหยื่อจริง
หนึ่งในผู้ตอบแบบสอบถามเล่าว่า “พวกเขาทำให้คุณเชื่อว่ากำลังคุยกับคนจริง เขาพูดเหมือนรู้จักคุณ และบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้ แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดคือการหลอกถามข้อมูลส่วนตัว”
คำบอกเล่านี้สะท้อนจุดอ่อนของคนรุ่นดิจิทัลที่มีความมั่นใจว่าตัวเองรู้ทันทุกอย่างบนโลกออนไลน์
เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การคุยกับคนแปลกหน้าผ่านหน้าจอจึงดูปกติ แต่สิ่งที่หลายคนมองข้าม คือเทคโนโลยีเดียวกันนี้กำลังถูกใช้ย้อนกลับมาหลอกพวกเขาเอง
ทรูแมน ไคน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จากบริษัท Huntress อธิบายว่า “Gen Z เป็นเป้าหมายหลักของการรีดไถ เพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ตลอดเวลา การพบคนแปลกหน้ากลายเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่คิด”
ขณะที่ เควิน ทอมป์สัน ซีอีโอของ 9i Capital Group เสริมว่า “คนรุ่นใหม่แชร์ภาพและข้อความส่วนตัวตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขากลายเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการข่มขู่และรีดไถ”
เศรษฐกิจที่ผลักให้คนรุ่นใหม่เสี่ยง
ในกรณีของเกาหลีใต้ที่มีการเปิดเผยจำนวนคนรุ่นใหม่ที่ถูกหลอกให้ไปแสวงหาโอกาสใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องนี้อาจไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ยังเผยให้เห็น ‘แรงกดดันทางเศรษฐกิจ’ ที่ฝังลึกในสังคมเกาหลีรุ่นใหม่ เพราะก่อนจะหายตัวไป หลายคนเชื่อว่าการทำงานต่างประเทศจะเปิดโอกาสใหม่ในชีวิต แต่สุดท้ายกลับถูกหลอกให้ทำงานในศูนย์สแกมหรือคาสิโนผิดกฎหมาย
คิม ยู-บิน นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันแรงงานเกาหลี อธิบายว่า แรงกดดันในตลาดแรงงานกำลังผลักให้คนรุ่นใหม่ยอมเสี่ยงมากขึ้น
“บริษัทในเกาหลีมักรับแต่คนมีประสบการณ์ ทำให้บัณฑิตจบใหม่แทบไม่มีทางเลือก พอเจองานที่ดูดี มีรายได้สูง พวกเขาจึงพร้อมลอง แม้จะรู้ว่าเสี่ยงก็ตาม” คิมระบ
สถานการณ์ที่คล้ายกันนี้ก็เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เช่นกัน ผลสำรวจของ Malwarebytes พบว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากกำลังเผชิญแรงกดดันทางการเงิน ตั้งแต่ค่าครองชีพที่สูง หนี้การศึกษาที่สะสม ไปจนถึงวัฒนธรรมที่ว่า ‘ต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย’ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พวกเขาเปราะบางต่อกลโกงที่สัญญาว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
อเล็กซ์ บีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี ระบุว่า “ความเข้าใจเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่อาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อพวกเขาเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมากเกินไป ก็มีแนวโน้มจะไว้ใจแหล่งข้อมูลในโลกดิจิทัลโดยไม่ระวังพอ
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ไม่ว่าจะอยู่ในเอเชียหรืออเมริกา จุดร่วมของเหยื่อคือ ‘ความหวัง’ ความหวังว่าจะมีรายได้ดีขึ้น ชีวิตมั่นคงขึ้น หรือโอกาสที่เปลี่ยนอนาคตได้ โดยเฉพาะในสังคมที่ความมั่นคงของอาชีพถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดคุณค่าของคน การว่างงานไม่ใช่แค่ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลายเป็นตราบาปทางสังคม และนี่คือช่องโหว่ที่สแกมเมอร์เข้าใจดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มีแต่แง่มุมในด้านลบ ทรูแมน ไคน์ นักวิจัยจาก Huntress เสริมว่า แม้คนรุ่นใหม่จะเป็นกลุ่มที่ตกเป็นเป้าหมายของสแกมมากที่สุดในตอนนี้ แต่พวกเขาจะค่อยๆ สร้าง ‘ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล’ ได้ในที่สุด
“เมื่อคุณเคยถูกหลอกสักครั้ง คุณจะเริ่มระวังตัวมากขึ้น คนรุ่นนี้ไม่ได้ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้ แต่ต้องเริ่มจริงจังกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของตัวเอง มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกติดตามและถูกชักจูงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่คาดคิด” ไคน์สรุป










