
ประเด็นคือ – รวบแล้ว สาว ใช้บัตร ปชช. น้องณิชา เปิดบัญชี ตร.นำตัวขยายผล เจ้าตัวรับสารภาพถูกจ้าง 1 หมื่น
จากกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง หลังถูกคนร้ายนำบัตรประจำตัวประชาชน ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 13 ม.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.บก.น.1) ได้ทำการจับกุมตัวน.ส.ปวีณา ที่นำบัตรประชาชนของ น้องณิชา ไปเปิดบัญชีธนาคาร พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อทำการสอบสวนขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำ
เบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้นำบัตรของ น้องณิชา ไปเปิดบัญชีจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากนายไซม่อน ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร รวม 5 บัญชี ในราคา 1 หมื่นบาท แต่ได้รับเงินเพียงแค่ 4 พันบาทเท่านั้น
https://www.youtube.com/watch?v=JkCPrm55hfw
ด้าน น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี จนถูก ตร.จับกุมดำเนินคดี เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ตนเองจะเดินทางไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยจะนำหลักฐานทุกอย่างที่ตนเองได้รวบรวมไว้ ตั้งแต่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และจะนำเอกสารบัญชีการเงินที่ตนเองมีอยู่จริงทั้งหมด ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ โดยมั่นใจว่ากระบวนการต่างๆ จะสามารถปกป้องสิทธิ์ของตนเอง ที่ถูกขบวนการมิจฉาชีพขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงเหยื่อ
ทั้งนี้ จากที่มีบางหน่วยงานให้ข้อมูลกับสื่อว่า ตนเองอาจจะเป็นผู้ร่วมขบวนการ นั้น ไม่มีเหตุผลเพียงพอ หากตนเองจะนำบัตรประชาชนของตนเองไปให้คนอื่นเปิดบัญชี เพื่อมาหลอกลวงคนอื่น ซึ่งมันผิดวิสัยของโจร แนวคิดนี้เหมือนการตั้งกระทู้เบี่ยงประเด็น เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงบัญชีเงินฝากของธนาคารแห่งหนึ่งที่มีเงินหมุนเวียน ประมาณ 6 ล้านบาทนั้น เป็นบัญชีการทำธุรกิจของครอบครัว ที่ได้ร่วมทำกับเพื่อนของบิดา เมื่อราว 5 ปีที่แล้ว สมัยที่ตนเองยังเรียน ปี 1 และได้เลิกใช้บัญชีนั้นแล้ว เมื่อราว 2 หรือ 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีเงินติดบัญชีเล็กน้อย แทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ซึ่งในส่วนของการทำธุรกิจ มีการจดทะเบียนการค้าถูกต้อง และมีเส้นทางการเงิน ที่ชัดเจนสามารถพิสูจน์ได้ และหากจะให้ตนเองเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ความจริง ตามที่หน่วยงานต่างๆ สงสัย ก็ยินดีเพราะตนเองมั่นใจในความบริสุทธิ์

ด้านเพจอีจัน ได้รายงานว่า จากกรณีที่ น.ส.ณิชา เกียรติธนไพบูลย์ หรือ อะตอม ถูก ตำรวจ สภ.บ้านตาก ดำเนินคดีในกรณีที่ชื่อเธอตกเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และฝากขังที่ศาล จ.ตาก ก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ และได้ประกันตัวเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้น น.ส.ณิชา หรืออะตอม ก็เดินหน้าเข้าร้องเรียนกับกองปราบปราม ว่าเธอตกเป็นเหยื่อ เพราะเธอทำบัตรประชาชนหาย และมีคนนำไปเปิดบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอแต่อย่างใด
ล่าสุดรายงานข่าวจากแหล่งข่าวระดับสูงในชุดสืบสวนเปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลการสืบสวนสอบสวน ซึ่งเวลานี้มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร เกี่ยวกับกรณีที่ น.ส.ณิชา หรืออะตอม อ้างว่าตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนได้ข้อมูลมาค่อนข้างมากจากธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงมีความชัดเจนทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานแวดล้อม ตอนนี้บอกได้เพียงว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัว น.ส.ณิชา หรืออะตอม ซึ่งคาดว่าภายในวันอังคารที่ 16 ม.ค.นี้ น่าจะมีความชัดเจนเกือบ 100% หาก น.ส.ณิชา หรืออะตอม ตกเป็นเหยื่อจริง ก็ต้องเยียวยา แต่หากไม่ได้ตกเป็นเหยื่อก็จะต้องพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย

“ตอนนี้ชุดสืบสวนสอบสวนเห็นพยานหลักฐานเกือบทั้งหมด เชื่อว่า ณิชาหรืออะตอม น่าจะรู้แก่ใจ ซึ่งบัตรประชาชนที่ น.ส.ณิชา กล่าวอ้างกับสื่อมวลชนว่าหายนั้น ตอนนี้ชุดสืบสวนสอบสวนมีพยานเอกสารทั้งหมดแล้ว ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้ต้องสงสัยที่ไปเปิดบัญชีมีการติดต่อกับ น.ส.ณิชา หรืออะตอม จึงเป็นข้อสงสัย หากบัตรประชาชนหาย หรือถูกขโมย ทำไมผู้ต้องสงสัยถึงสามารถติดต่อกับเจ้าของบัตรได้”









