รวบ 2 หนุ่มใหญ่ชาวอุดรฯ คาสนามบิน ซ้ำถูกหลอกทำงานเกาหลี

รวบ 2 หนุ่มใหญ่ชาวอุดรฯ คาสนามบิน ซ้ำถูกหลอกทำงานเกาหลี

ในประเทศ

ประเด็นคือ – หนุ่มใหญ่ชาวอุดร หวังทำงานเกาหลี สุดท้ายน้ำตาตก หลังทราบว่าถูกหลอกให้ไปทำงานเคราะห์ซ้ำต้องกู้เงินนอกระบบมาจ่ายนายหน้า

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ห้องสอบสวนของด่านตรวจคนหางาน กรมการจัดหางาน ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ได้เชิญตัว ชายชาวจังหวัดอุดร อายุ 51 ปี จำนวน 2 ท่าน มาสอบปากคำ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามการหลอกคนไทยไปทำงานต่างประเทศของกรมการจัดหางาน ได้สืบทราบจากสายข่าวว่า จะมีคนไทยแฝงตัวเดินทางไปลักลอบทำงานที่ประเทศเกาหลี โดยจะอาศัยเดินทางผ่านบริษัททัวร์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบชายทั้งสองท่านนี้กำลังเช็คอินเดินทาง และต้องสงสัยว่าอาจลักลอบไปทำงานที่เกลาหลี จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ

เบื้องต้นชายคนดังกล่าว ให้การรับสารภาพว่า ตนเองจะเดินทางไปลักลอบทำงานที่ประเทศเกลาหลีจริง โดยผ่านนายหน้าหญิงชาวไทย แต่ไม่ได้ระบุว่าจะให้ทำงานอะไร โดยจะได้ค่าตอบแทนเดือนละประมาณ 3-4 หมื่นบาท และจะต้องเสียค่านายหน้าพร้อมค่าเดินทางของบริษัททัวร์คนละ 3 หมื่นบาท

ขณะที่อีกรายซึ่งถูกซัดทอดจากคนแรกว่าเป็นผู้ชักชวนและจัดแจงเรื่องเอกสารการเดินทางทั้งหมด ยังคงให้การปฏิเสธ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เปิดหลักฐานจากการแชทข้อความผ่านมือถือซึ่งมีการพูดคุยระบุข้อความว่าจะเดินทางไปงานด้าน การทำสวน และจะต้องกู้เงินนอกระบบมาเป็นค่าเดินทาง ทำให้ชายท่านนี้ยอมจำนนด้วยหลักฐานและให้การรับสารภาพว่าจะเดินทางไปลักลอบทำงานจริง

เจ้าหน้าที่จึงให้ทั้งคู่ทำบันทึกคำรับสารภาพ พร้อมทำประวัติบุคคลทั้งหมดเอาไว้ พร้อมสั่ง ระงับการเดินทางออกนอกประเทศของกลุ่มบุคคลทั้งหมดเอาไว้เป็นการชั่วคราว พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำการไปทำงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะปล่อยตัวบุคคลทั้งหมดกลับไป

ด้านชายวัย 51 ปี เล่าทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ตนเองเดิมที มีอาชีพขับรถบรรทุกอ้อยมีรายได้เดือนละประมาณ 12,000 บาท จนกระทั่งมีคนรู้จักกันมาชักชวนให้ไปทำงานที่ประเทศเกลาหลี ตนจึงให้ภรรยาไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อจ่ายค่าเดินทางให้กับนายหน้าจำนวนเงิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่คาดคิดว่าการที่ตนเองหลังจะไปทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินเดือนสูงจะกลายเป็นเรื่องผิดกฏหมายและมีโทษสูง และยิ่งซ้ำใจไปกว่านั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ได้อธิบายเหตุและผลของการไปทำงานอย่างผิดกฎหมายแล้ว หากไม่ผ่าน ตม.ยังจะต้องสูญเงินที่จ่ายไปอีกด้วย ทำให้ตนเองรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนเองอยากฝากเตือนไปยังผู้ที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศโดยผ่านหน้านายนั้นขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง