
รองอธิบดีสำนักงานอัยการสูงสุดชี้ เจาะถ้ำช่วย 13 ชีวิต หากทำด้วย “ความจำเป็น” เพื่อให้ผู้อื่นพ้นภัย ไม่ต้องรับโทษ หลัง รอง ผบ.ตร. ถามทีมขุดเจาะถ้ำว่า อาศัยกฎหมายใดในการเจาะถ้ำ
จากกรณีที่วันนี้ (29 มิ.ย. 61) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปฟังรายงานจากทีมขุดเจาะถ้ำหลวง วนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบ.ตร. ได้ถามทีมจุดเจาะที่ #ถ้ำหลวง จากกรมทรัพยากรฯ ว่า อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการเจาะถ้ำ จะทำอะไรต้องดูกฎหมาย ต้องประสานกันด้วย ประสานกันง่าย ไม่ใช่เรื่องยาก #ศรีวราห์ #13ชีวิตต้องรอด #หมูป่า #ทีมหมูป่าอะคาเดมี #WorkpointNews pic.twitter.com/QKstuE5Prt
— Workpoint News (@workpoint_news) 29 มิถุนายน 2561
โดยในระหว่างที่ฟังนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ถามทีมเจาะถ้ำจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ว่า อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการเจาะถ้ำ ซึ่งทีมจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลชี้แจงว่า ได้อาศัยยกเว้นตามมาตรา 4
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ตอบกลับทันทีว่า “ในเขตวนอุทยานเนี่ยนะ!” ทีมงานระบุว่า “ถ้าอย่างนี้ต้องไปตกลงกับทางวนอุทยาน” พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ตอบกลับว่า “ใช่ๆ ผมกำลังจะบอกท่าน ว่าท่านอย่าไปเที่ยวเพลิดเพลิน ให้ดูกฎหมายด้วย ประสานกันง่าย ไม่ได้ยากหรอก”

ต่อมา นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์เฟซบุ๊กกรณีดังกล่าวว่า ว่า การเจาะถ้ำหรือกระทำการอื่นใดในเขตอุทยานหรือป่าไม้ แม้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยาน หรือ พ.ร.บ.ป่าไม้ แต่ถ้ากระทำเพื่อช่วย 13 ชีวิต ก็เป็นการกระทำความผิดด้วย “ความจำเป็น” เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึง และไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตน มิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแต่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ครับ ทุกท่านที่กำลังช่วยน้องๆ ทำไปเถอะครับ ไม่ต้องดูหรอกว่ากฎหมายจะว่าอย่างไร ชีวิตน้องๆ เหล่านั้นสำคัญกว่ามาบังคับใช้กฎหมายในยามนี้









