
รอง ผบ.ตร.นำผู้ต้องหาเมาแล้วขับช่วงสงกรานต์กว่า 380 คน ร่วมดื่มน้ำสาบาน ก่อนส่งฟ้องศาล ชี้พบผู้เมาแล้วขับเพิ่ม เนื่องจากไม่กลัวทลงโทษ จึงต้องใช้มาตรการทางจิตใจมาบังคับ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 เม.ย.61 ที่สนามฟุตซอล สภ.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เป็นประธานเปิด โครงการเมาแล้วขับ กลับใจ ต่อไปจะไม่เมาแล้วขับ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมี พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ให้การต้อนรับ

พร้อมนำประชาชนซึ่งถูกจับกุมในคดีเมาแล้วขับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกโรงพักในสังกัด ภจว.สมุทรปราการ กว่า 380 คน มาทำการอบรม และทำความเข้าใจกับผู้ถูกดำเนินคดีหลังมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ ที่กำหนดให้ต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่ชั่วคราวหรือผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และปริมาณไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้มีใบอนุญาตขับขี่ 5 ปี และสำหรับผู้โดยสารที่นั่งดื่มสุราบนหลังกระบะท้ายรถหรือในรถ ระหว่างเดินทางก็ถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน

ในโครงการได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำการเทศนาให้กับผู้ต้องหา เพื่อสั่งสอนตามแนวทางของพระพุทธศาสนาให้มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทและโทษต่างๆ ที่ เกิดจากการเมาแล้วขับ นอกจากจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตแล้ว และยังทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบด้วย จากนั้นได้ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดกล่าวสัตย์ปฏิญาณและดื่มน้ำมนต์ถือสัจจะ ซึ่งมีมีด และกระสุนปืนอยู่ในขัน ว่าจะถ้าดื่มสุราจะไม่ขับรถอีกเป็นอันขาด หากผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ ขอให้ชีวิตมีอันเป็นไปภายใน 3 วัน ก่อนที่จะคุมตัวทั้งหมดส่งฟ้องศาลแขวงสมุทรปราการต่อไป

สำหรับจังหวัดสมุทรปราการ ได้วางแนวทางมาตรการในการเข้มงวดการขับขี่รถในขณะเมาสุรา โดยมีแนวคิดที่จะเป็นสื่อประสานเพื่อให้ประชาชนที่ขับขี่รถในขณะเมาสุราต่อไปจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนสำนึกในกฎจราจรในการขับรถดี มีวินัย ถ้าไม่ดื่ม ไม่เมาขณะขับรถ สถิติอุบัติเหตุจะลดลงได้
ทั้งนี้พบว่าผู้ที่ดื่มเมาแล้วขับส่วนใหญ่จะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านจุดไหน และก็จะมีการหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น จึงได้ปรับยุทธวิธีในการตั้งด่านตรวจ โดยการตีวงสุราให้แตก นำกำลังตำรวจไปสกัดวัดประมาณแอลกอฮอล์ บริเวณจุดที่มีการดื่มสุราและทางออกหมู่บ้าน เพื่อหยุดยั้งการเมาแล้วขับ จึงทำให้สามารจับกุมผู้เมาแล้วขับได้ถึง 512 ราย

สำหรับโทษที่ผู้ต้องหาเมาแล้วขับหลังจากส่งฟ้องศาลแล้ว ศาลจะสั่งปรับตั้งแต่ 5,000-8,000 บาท โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีรอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ โดยให้รายงานตัว 3 เดือนต่อครั้ง และบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้มาตรการคุมประพฤติ โดยการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ซึ่งผู้ถูกติดตั้งกำไลข้อเท้า จะถูกห้ามออกจากเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.05 น. เป็นเวลา 15 วัน
ซึ่งมาตรการนี้ ทางศาลแขวงกรุงเทพได้นำมาใช้แล้ว จึงอยากเตือนประชาชน ถ้าดื่มแล้วต้องไม่ขับ เพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนน อย่างไรก็ตาม จากสถิติถือว่าการจับกุมผู้เมาแล้วขับพบมากขึ้นทุกปี เนื่องจากไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ จึงต้องใช้มาตรการทางจิตใจมาบังคับกลุ่มนี้ โดยการดื่มน้ำมนต์สาบานตนและถือสัจจะว่าจะไม่ดื่มแล้วขับอีก









