
ประเด็นคือ – สามีภรรยา อุ้มลูกเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี ไปทำหมันที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่ยังตั้งท้องลูกคนที่ 4 เรียกร้องกับทางโรงพยาบาลได้รับเงินชดเชยแค่ 5,000 บาทพร้อมนมผง ชี้เป็นช่องว่างของผู้ถือสิทธิบัตรทอง กับ บัตรประกันสังคม
ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี นางปาริชาติ ด่านระหาร อายุ 29 ปีและนายอนุวัฒน์ ด่านระหาร อายุ 27 ปี ชาวต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี สองสามีภรรยาอุ้มลูกสาววัย 4 เดือน เข้าร้องเรียนต่อนางรณิดา เหลืองธิติสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานีว่า หลังจากนางปาริชาติคลอดบุตรคนที่ 3 และได้ทำหมันคุมกำเนิดที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่ยังตั้งครรภ์คลอดบุตรคนที่ 4 ทำให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระทางด้านการเงินและการใช้ชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาล ได้รับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยให้ 5,000 บาทและนมผงทารกเดือนละ 3 กล่องเป็นเวลา 1 ปี

นายอนุวัฒน์ เล่าว่า ก่อนมีลูกสาวคนนี้ ตนและภรรยาเลี้ยงดูลูกอยู่ทั้งหมด 4 คน โดยเป็นลูกที่เกิดกับตนเอง 3 คน อีก 1 คนเป็นลูกของภรรยากับสามีเก่า ซึ่งตนมีอาชีพเป็นนายฮ้อย ค้าขายวัวควายตามตลาดนัดกระบือ ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้าน หลังจากคลอดลูกคนที่ 3 ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ก็ได้ขอคุมกำเนิดแบบถาวรด้วยการทำหมัน โดยใช้สิทธิประกันสังคมของภรรยา
นางปริชาติ บอกว่า หลังจากทำหมันกับโรงพยาบาลแล้ว ตนเองก็ไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดอีก จากนั้น 5 เดือนก็พบว่า ตั้งครรภ์ จนกระทั่งคลอดลูกสาวคนที่ 4 กับโรงพยาบาลเดิม ซึ่งตนได้บอกให้หมอทำหมันซ้ำอีก แต่หมอไม่ยอมทำซ้ำ โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเกิดการตั้งครรภ์อีก โรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบ ทำให้ตนยังรู้สึกงงและไม่เข้าใจ

ด้านนางรณิดา เหลืองธิติสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประเด็นความผิดพลาดทางเทคนิคการแพทย์ด้านการทำหมันในผู้หญิงนั้นเคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วหลายรายแล้ว ซึ่งในทางกฎหมายที่มีการคุ้มครองนั้น หากใช้สิทธิบัตรทองจะมีพรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติในมาตรา 41 ระบุว่า “หากได้รับความเสียหาย ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดทางการแพทย์ จะได้รับเงินเยียวยาทันที 2 แสนบาท” แต่กรณีนี้ทางคุณแม่ได้ใช้ สิทธิบัตรประกันสังคม ทำให้ไม่ครอบคลุมการเยียวยาให้กับครอบครัวนี้จึงเป็นช่องว่างของกฎหมายของทั้ง 2 บัตร ถือว่า ประชาชนเป็นผู้เสียสิทธิ์ ซึ่งหากใครมีบัตรประกันสังคมก็จะตัดสิทธิ์บัตรทองออกไปทันที เบื้องต้น ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หารือกันในสัปดาห์หน้า เพื่อหาทางเยียวยากับครอบครัวนี้ และจะถือโอกาสปรึกษาทุกหน่วยงาน ชี้แจ้งความชัดเจนในหลักกฎหมายของทั้งสองบัตร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในอนาคต









