
คนร้ายอาศัยช่วงฝนตกหนัก และไฟดับ ก่อเหตุตัดไม้พะยูง อายุกว่า 50 ปี ในที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา กลางเมืองจันทบุรี แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ได้ คาดน่าจะมีชาวบ้านผ่านพบ ทำให้คนร้ายวิ่งหลบหนีไป
เวลา 06.00 น. วันที่ 20 ส.ค. 61 พ.ต.ท.สมฤทธิ์ ปานที สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจาก นายกิตติ วรรัตน์สวาท ผู้ดูแลที่ดินมูลนิธิชัยพัฒนา ว่ามีคนร้ายได้เข้าก่อเหตุลักลอบตัดไม้พะยูงในที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ซอยตากสิน 15 หมู่ที่ 10 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบด้วย
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.สมฤทธิ์ ปานที สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าเป็นที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา และพบนายกิตติ วรรัตน์สวาท ผู้ดูแลที่ดินยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ จากนั้นนายกิตติ ผู้ดูแล ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูร่องรอยที่คนร้ายได้เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูง ขนาด 2 คนโอบ อายุกว่า 50 ปี ให้เจ้าหน้าที่ดู ตรวจสอบพบว่าต้นพะยูงถูกตัดจนต้นล้มลงไปในคลองข้างทาง เพื่อเตรียมที่จะเคลื่อนย้าย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะใช้เลื่อยไฟฟ้าทำการเลื่อยต้นพะยูงต้นนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบขวดน้ำพลาสติก จำนวน 2 ขวด ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้คาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และน่าจะรู้ว่าเนื้อที่ของมูลนิธิชัยพัฒนามีการปลูกต้นพะยูงไว้ รวมทั้งคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ดูแลเป็นอย่างดี ก่อนคนร้ายสบโอกาสที่เมื่อคืนได้เกิดฝนตกหนัก และไฟดับ เข้าก่อเหตุลักลอบตัดไม้พะยูงดังกล่าว
จากการสอบ นายกิตติ ผู้ดูแล กล่าวว่า เมื่อคืนได้เกิดฝนตกหนัก และไฟดับ ประกอบกับตนเองไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จึงทำให้คนร้ายฉวยโอกาสดังกล่าวเข้าก่อเหตุลักลอบตัดไม้พะยูงไป ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว
โดย 2 ครั้งแรก คนร้ายได้ไม้พะยูงไปบางส่วน เเต่ครั้งนี้คนร้ายไม่สามารถเคลื่อนย้ายไม้พะยูงออกจากพื้นที่ไปได้ เนื่องจากคนร้ายน่าจะเห็นชาวบ้านผ่านมา ก่อนที่จะวิ่งหลบหนีไป ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบ และนำไม้พะยูงที่ถูกตัดไปเก็บรักษาต่อไป









