
อูเบอร์หยุดให้บริการในไทยแล้ว หลังขายกิจการทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แกร็บ
แอปพลิเคชันเรียกรถอูเบอร์ ‘Uber’ หยุดให้บริการในไทยตั้งแต่วันนี้ (8 เม.ย. 2561) โดยจะต้องเรียกบริการรถผ่านแอปฯ ของแกร็บ ‘Grab’ แทน หลังปลายเดือน มี.ค. 2561 อูเบอร์ขายกิจการทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แกร็บ ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย
ก่อนจากลากันไปมาดูประวัติอูเบอร์กันสักเล็กน้อย อูเบอร์ก่อตั้งเมื่อ 2552 มีต้นกำเนิดจากอเมริกาก่อนเข้ามาในไทยในช่วง มี.ค.-เม.ย. 2557 ดำเนินการบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
ลูกค้าจะต้องเปิด GPS ของตนเพื่อให้คนขับทราบว่าอยู่ที่ใด จากนั้นระบบของอูเบอร์จะค้นหารถที่อยู่ใกล้ลูกค้ามากที่สุดแล้วส่งข้อมูลไปให้ลูกค้า โดยจะทราบว่าคนขับเป็นใครชื่ออะไร ยี่ห้อและป้ายทะเบียนของรถ
มีบริการรถประเภท Uber X คือ รถยนต์ทั่วไป, Uber Black เป็นรถยนต์หรู ค่าโดยสารจะมีราคาแพงกว่า Uber X ทั้งสองแบบจะหักค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิต ส่วน Uber Taxi จะเป็นการเรียกรถแท็กซี่ผ่านแอปฯ
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาสำหรับอูเบอร์ในไทย แม้รายได้เพิ่มขึ้นแต่สถานการณ์ถือว่าน่าเป็นห่วง
ปี 2557 มีรายได้ 7.6 ล้านบาท กำไร 6.3 แสนบาท
ปี 2558 รายได้ 43.2 ล้านบาท กำไร 1.5 ล้านบาท
และปี 2559 รายได้ 90.6 ล้านบาท กำไร 3.7 ล้านบาท
ส่วนอูเบอร์ในตลาดโลก ไตรมาส 3/2560 แม้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.013 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ขาดทุนยับถึง 1.462 พันดอลลาร์ (ไตรมาสก่อนหน้าขาดทุน 1.064 พันล้านดอลลาร์
ถึงแม้ทางผู้บริหารอูเบอร์จะกล่าวว่า การขายอูเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แกร็บ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่มีหลายคนวิเคราะห์ว่า นี่เป็นการเดินเกมใหม่ของอูเบอร์หรือไม่ เพราะตามข้อตกลง จะทำให้อูเบอร์เข้าถือหุ้นแกร็บ 27.5% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย และ นายดารา คอสราวชาฮี ซีอีโออูเบอร์จะเข้ามานั่งในบอร์ดบริหารของแกร็บด้วย
อ้างอิง
https://thailandinvestmentforum.com/2017/10/14/ubergrabthai/
http://www.businessinsider.com/uber-q3-financials-leak-wsj-…









