
ประเด็นคือ – จากเหตุการณ์ที่คุณตาขี่ซาเล้ง เฉี่ยวชนกับ จยย. เเล้วถูกวัยรุ่นผู้ขับขี่ จยย.กระทืบจนแน่นิ่ง เจ็บสาหัส ต่อมาลูกสาวได้เปิดเผย คุณตาเคยเป็นนักธุรกิจ ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย ล่าสุดผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่า หุ้นส่วนของบริษัทมีเเต่คนในครอบครัว
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 61 บริเวณซอยชานเมืองแยก 2 ประชาสงเคราะห์ ดินแดง มีหนุ่มขี่ จยย.และเฉี่ยวกับรถซาเล้งของคุณตาวัย 82 ปี จากนั้นวัยรุ่นคนดังกล่าววิ่งตามมากระโดดถีบคุณตาจนตกรถ หัวฟาดพื้นสลบ
ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงกลางดึกของวันที่ 14 มี.ค. 61 ผู้ก่อเหตุคือ นายนราธร โสดติยัง อายุ 21 ปี ถูกคุมตัวมายัง สน.ห้วยขวาง หลังจากที่นายนราธรมอบตัว เเล้วได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล พร้อมกับก้มกราบขอขมาญาติผู้เสียหายด้วย

ต่อมามาวันที่ 15 มี.ค. 61 เวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง แถลงข่าวกรณีนายนราธร โสดติยัง ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายจรูญ มณีพันธ์ อาชีพเก็บของเก่า
นายนราธรให้การรับสารภาพว่า ระหว่างเกิดเหตุโมโหนายจรูญที่ชนแล้วหนี เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด ส่วนที่มีภาพปรากฏว่าตนเล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ตนได้ขอขมาญาติผู้เสียหาย และยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด พร้อมเข้าไปกราบขอขมาผู้เสียหายอีกครั้ง
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายนราธรเคยก่อเหตุเมื่อปี 53 ซึ่งขณะที่ผู้ต้องหามีอายุเพียง 13 ปี มีคดีทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายในพื้นที่ สน.ดินแดง และเมื่อปี 58 คดีทำร้ายผู้อื่นพื้นที่ สน.ห้วยขวาง จนมาเกิดเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ด้านนางฉลวย จริตเอก ภรรยา และ น.ส.วนิดา มณีพันธ์ ลูกสาว นายจรูญ ผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุนายนราธรก็ได้มาขอขมาที่ สน.ห้วยขวางแล้ว ผู้ต้องหายอมรับผิดทั้งหมด ยินดีจะชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งเธอก็ได้กล่าวตักเตือนไปว่า วันหลังอย่าใจร้อน และให้อภัยกับผู้ต้องหา

โดยลูกสาวเล่าอีกว่า “พ่อชอบใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่นอกบ้าน ยึดอาชีพเก็บขยะและของเก่าขายมานานหลายปี ตั้งแต่ ปี 44 ยุคฟองสบู่แตก พ่อเคยหุ้นกับเพื่อนลงทุนร่วมกันทำกิจการภายใต้ชื่อ “ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย” กันสาดผ้าใบ ช่างเชื่อม ต่อเติมส่วนต่างๆ ของอาคารบ้านเรือน ถือเป็นยุครุ่งเรืองของครอบครัว กระทั่งล้มละลาย แม่ต้องไปเข็นรถขายมันทอด ขนมไข่หงส์ เเละของทอดต่างๆ
“ส่วนพ่อหันไปปั่นซาเล้งเก็บขยะขาย ห้ามพ่อ พ่อก็ไม่ฟัง จนชาวบ้านมาบอกว่าพ่อชอบไปนอนอยู่หน้าเซเว่น พอไปตามกลับก็ไม่กลับ ซ้ำพ่อยังด่าเเละไล่ ทางครอบครัวจึงปล่อยให้พ่อใช้ชีวิต แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ทิ้งขว้าง”
เบื้องต้นรองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือทางกฎหมาย และแจ้งสิทธิฯ กับครอบครัวของนายจรูญ ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแล้ว
ขณะที่นายธนะพัฒน์ วัชรฐิติเปรมชัย ผู้ก่อตั้ง ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย หรือชื่อปัจจุบันคือ ธ ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย บอกว่า เขาเป็นผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย ตั้งแต่อายุ 14 ปี และดึงพี่ชายของเขามาร่วมหุ้น ทำธุรกิจร่วมกันตั้งแต่ปี 2514

ส่วนกรณี นายจรูญ มณีพันธ์ ที่ถูกวัยรุ่นทำร้ายจนบาดเจ็บนั้น นายธนะพัฒน์บอกว่า ผู้ถือหุ้นในศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย และผู้ก่อตั้งนั้น มีเพียงบุคคลในครอบครัวของเขาเท่านั้น และยังนึกไม่ออกว่านายจรูญเคยทำงานให้ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย หรือไม่ ขณะนี้กำลังตรวจสอบรายชื่อพนักงานเก่าๆ ซึ่งคนที่อายุมากที่สุด คือ 72 ปี
โดยคาดว่า นายจรูญเคยเป็นเจ้าของธุรกิจกันสาด หรืออัลลอยอื่นๆ ที่ทางบริษัทศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย เคยไปเทคโอเวอร์ในช่วงปี 40 ที่หลายบริษัทไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้ แต่ก็พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก
อย่างไรก็ตาม นายธนะพัฒน์บอกว่า พร้อมจะติดต่อลูกสาวของนายจรูญ เพื่อถามความเป็นมาและเรื่องราวที่เกิดขึ้น และอยากไปเยี่ยมอาการของนายจรูญที่โรงพยาบาลด้วย เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้









