
ภายในพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ประชาชนจำนวนมาก เข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยวัดบวรฯขยายเวลาให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวง ร.9 ถึง 21.00 น.
วันนี้ (13ต.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร มีประชาชนจำนวนมากพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลือง ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตเป็นปีที่ 2 วันที่ 13 ตุลาคม 2561
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 ก็ได้มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาบรรจุที่ใต้ฐานพุทธบัลลังก์หินอ่อน ของพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถแห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2560

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต (ภาพจาก : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช)
- วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (13 ตุลาคม 2561) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตเป็นปีที่ 2
การนี้ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จัดพิธีตักบาตรอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลในช่วงเช้า และเวลา 17.00 น. คณะสงฆ์วัดราชบพิธร่วมกับสาธุชนจักได้สวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ณ พระอุโบสถ

พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ แห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พระพุทธอังคีรส เป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อนจากประเทศอิตาลี พระนาม “พระพุทธอังคีรส” แปลว่ามีรัศมีซ่านออกจากพระวรกาย หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อต้นรัชกาลที่ 5 กะไหล่ทองคำเนื้อแปดหนัก 180 บาท เป็นทองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เมื่อยังทรงพระเยาว์
เดิมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงนำไปประดิษฐานที่พระปฐมเจดีย์ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2415
ที่ฐานบัลลังก์กะไหล่ทองเนื้อหกหนัก 48 บาท ภายในบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีสุลาไลย และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าละม่อม กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี

- วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
ส่วนที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ประชาชนยังคงเดินทางมาเข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่บรรจุใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ องค์พระประธานภายในพระอุโบสถกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางวัดได้มีเจ้าหน้าที่คอยจัดระเบียบอย่างเป็นระบบ
โดยในวันนี้ ทางวัดบวรนิเวศวิหาร ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลวันคล้ายวันสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ครบรอบ 2 ปี ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 125 รูป พร้อมกับขยายเวลาเข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. ซึ่งในช่วงเวลา 20.00 น. พระสงฆ์วัดบวรฯ จะทำวัตรและสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล

พระพุทธชินสีห์ แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
วัดบวรนิเวศวิหาร รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากพระองค์ทรงออกผนวช เมื่อปี 2499 และวัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับพระองค์ในหลายด้าน จึงนำพระบรมราชสรีรางคาร มาบรรจุอยู่ใต้ฐานพระพุทธชินสีห์ พระประธานภายในพระอุโบสถ

สำหรับประวัติ วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศวิหาร (เดิมชื่อว่า วัดใหม่) เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สถาปนาขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ 3
พระอารามนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาของสงฆ์แห่งแรกในประเทศไทย ทั้งยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และ วัดประจำรัชกาลที่ 9 (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)
พระประธานในพระอารามนี้มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ โดยทั่วไป คือ มีพระประธาน 2 องค์ และล้วนมีความสำคัญเนืองจากเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณ ได้แก่ พระพุทธชินสีห์ ซึ่งอัญเชิญมาจากวิหารทิศเหนือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก โดยอัญเชิญมาทั้งองค์ราวปี พ.ศ. 2373 และพระสุวรรณเขต หรือ “พระโต” หรือ หลวงพ่อเพชร พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานไว้เบื้องหลังพระพุทธชินสีห์ เป็นพระประธานองค์แรกของอุโบสถวัดนี้ ซึ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี

อ้างอิงข้อมูลจาก









