
นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมประชุม ผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ปฏิเสธที่ตอบคำถามกรณีการจับกุมแก๊งออฟโรด ล่าหมีขอ ขณะที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” จี้ ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี พิจารณาโทษ ปลัดและ อส. ที่ร่วมคณะขั้นไล่ออก
วันที่ 8 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่8-10 ตุลาคม ปี 2561 มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม กรณีการจับกุม กลุ่มออฟโรดที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยตรวจพบซากอุ้งเท้าหมีขอ รวมทั้งอาวุธและกระสุนปืน เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Srisuwan Janya กรณีการจับกุมแก๊งออฟโรด พร้อมซากอุ้งเท้าหมีขอ ตอนหนึ่งระบุว่า “ปลัดอำเภอและ อส. ในฐานะที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ ย่อมมีสำนึกรู้ว่า การพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติและฆ่าหมีขอ หรือมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ย่อมต้องมีความผิดตามกฎหมายหลายกระทง อาทิ 1) ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
2)ร่วมกันทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ตามมาตรา 16(3) พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มีความผิดตามมาตรา 24 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3)ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 16 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4)ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พฤติกรรมดังกล่าวของปลัดอำเภอและ อส.ถือได้ว่า ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเป็นถึงเจ้าพนักงานของรัฐกลับปฏิบัติโดยมิชอบ เข้าข่ายฐานความผิด “ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” อันถือได้ว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 85 (7) ประกอบมาตรา 82(10) ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีควรสั่งลงโทษโดยการไล่ออกจากราชการ ตามมาตรา 88 (5) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมและต่อข้าราชการอื่น ๆ ต่อไป”
https://www.facebook.com/thaisgwa/posts/1812765522106234
ขอบคุณภาพ FB : Srisuwan Janya
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









