
นายก้อง สุริยมณฑล ทนายของนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น
ประเด็นคือ – ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำสั่งคดีอุ้มบุญ ชี้ผู้เยาว์ทั้ง 13 คนเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่นโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 56
วันที่ 20 ก.พ.2561 นายก้อง สุริยมณฑล ทนายของนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วันนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นัดฟังคำพิพากษาในคดีนายมิตสุโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น ยื่นคำร้องขอเป็นผู้ปกครองเด็กทั้ง 13 คน ที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ อุ้มบุญ มีคำพิพากษา ให้นายชิเกตะ เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฏหมาย และเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมถึงข้อเท็จจริงก็ยุติว่านายชิเกตะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพียงต้องการเลี้ยงดูและอุปการะบุตรทุกคน

นายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ขณะอุ้มเด็กผ่าน ตม.สนามบิน (แฟ้มภาพ)
นายก้อง ยืนยันว่า เหตุผลที่นายชิเกตะ ต้องการมีบุตรหลายคน เนื่องจากเกิดในครอบครัวใหญ่ อยากให้ลูกเติบโตไปพร้อมกันและช่วยสานต่อธุรกิจของครอบครัว ส่วนเด็กทั้งหมดจะใช้สัญชาติใด จะไปอาศัยในประเทศกัมพูชา หรือ ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่นายชิเกตะจะเป็นผู้ตัดสินใจ
สำหรับคำพิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายชิเกตะ ได้ว่าจ้างหญิงไทยให้ตั้งครรภ์บุตรโดยใช้เชื้ออสุจิตั้งแต่ปี 2556-2557 เป็นเวลาก่อนที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ ทางการแพทย์ พ. ศ. 2558 จะมีผลบังคับใช้ และมีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เด็กทั้ง 13 คน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นของนายชิเกตะ พบมีสัมพันธุ์เป็นบิดาทางสายเลือด และที่ผ่านมานายชิเกตะได้รับอุปการะเลี้ยงดูด้วยดีตลอดมาและมอบหมายให้บุคคลเข้าเยี่ยมเด็กทั้งหมดในสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ดและสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ เป็นประจำ

อีกทั้ง นายชะเกตะ ยังเตรียมความพร้อมในการอุปการะเลี้ยงเด็กที่ประเทศญี่ปุ่นทั้งที่พักอาศัย การศึกษา เงินออมที่สะสมให้กับเด็กทั้ง 13 คน อย่างดี จึงมีคำสั่งให้ เด็กทั้ง 13 คน เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ของนายชิเกตะ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์พ. ศ. 2558 มาตรา 56 โดยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงฝ่ายเดียว









