
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เรียกประชุมด่วน ปรับแผนการระบายน้ำ เขื่อนน้ำอูน, เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนวชิราลงกรณ เผยต้องพร่องน้ำให้มากที่สุดภายใน 10 วัน
วันที่ 5 ส.ค. 2561 คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เรียกประชุมสรุปแผนปรับปรุงการระบายน้ำใน 3 เขื่อนขนาดใหญ่ที่มีปัญหาน้ำเกินระดับการบริหารจัดการ โดยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จะประชุมสรุปข้อเสนอแผนระบายน้ำและแผนรองรับผลกระทบที่ให้กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลับไปปรับปรุงแผนการระบายน้ำใน 3 เขื่อนขนาดใหญ่ที่มีปัญหาน้ำเกินระดับการบริหารจัดการร้อยละ 90-100 จนปริมาณน้ำทางน้ำล้นสปิลเวย์ คือ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร, เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี โดยให้เร่งระบายน้ำหรือพร่องน้ำออกจากเขื่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายใน 10 วัน เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนใหม่และมีพื้นที่อาจกระทบต่อประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำและริมน้ำบางพื้นที่

ขณะที่สถานการณ์เขื่อนแก่งกระจานมีอัตราน้ำไหลเข้าวันละ 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งปริมาณน้ำไหลเข้าขึ้นอยู่กับฝนที่ตกตอนบนของเขื่อนแก่งกระจานและกระแสลม ประกอบกับ เร่งระบาย พร่องน้ำ และทำกาลักน้ำต่อเนื่อง จึงช่วยยืดเวลาให้ปริมาณน้ำจะเกินระดับเก็บกักน้ำของเขื่อนและล้นทางน้ำล้นสปิลเวย์ออกไป ประมาณกลางดึกของวันนี้ 5 ส.ค.61 ทั้งนี้วันเดียวกันจะมีการประเมินระดับน้ำอีกครั้งอย่างใกล้ชิด
ส่วนแผนระบายน้ำออกยังใช้ 2 ทาง คือ ระบายลงเขื่อนเพชรและระบายลงแม่น้ำเพชรบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณ อำเภอท่ายาง แก่งกระจาน บ้านลาด เมือง และ อำเภอบ้านแหลม คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำจะไหลเข้าพื้นที่ตัวเมืองเพชรบุรีจะยืดเวลาออกไปเช่นกัน หลังระดมระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานออกไปได้มากขึ้น
เบื้องต้นยังคงเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเพชร เพื่อเตรียมรับน้ำใหม่ที่จะล้นจากเขื่อนแก่งกระจาน โดยประเมินว่าในปีนี้ตั้งแต่เขื่อนแก่งกระจานถึงเขื่อนเพชรจะเกิดน้ำท่วมประมาณ 1-2 เดือน เพราะปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์เดียวกับปี 2560










