
สภาประชาชนแจ้งความร้องทุกข์ กรมประมงดูดโคลนถมพื้นที่กว๊านพะเยา ชี้สิ้นเปลืองงบประมาณ ส่อทุจริต เตรียมส่งหนังสือถึง ปปช. สตง. และ ปปท. เพื่อเอาผิดยกกระบิ
จากกรณีที่กรมประมงได้จัดซื้อเรือดูดเพื่อให้ในการดูดโคลน หรือเลนจากกว๊านพะเยา เพื่อให้พื้นที่ส่วนที่ตื้นเขินของกว๊านพะเยาได้ระดับลึกเท่าๆ กัน เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง และเริ่มทำการดูดโคลนเลนตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นต้นมา ท่ามกลางการต่อต้านของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่มองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่เกิดประโยชน์และเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ

ล่าสุดนายชุมพล ลีลานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานมูลนิธิน้อมเกล้าเพื่อแผ่นดิน จ.พะเยา นายยงยุทธ สายสูงเนิน ตัวแทนสภาประชาชนฯ ได้เข้าแจ้งความขอลงบันทึกประจำวัน เพื่อดำเนินการต่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูดโคลนในกว๊านพะเยา เช่น ประมงจังหวัดพะเยา กรมประมง สำนักงานโยธา จ.พะเยา เป็นต้น

นายชุมพล ให้เหตุผลว่า ก่อนที่จะมีการดูดดินโคลนจากกว๊านพะเยา ได้มีข้อตกลงกันแล้วว่าจะต้องนำดินที่ดูดขึ้นมาได้เอาไปไว้ที่อื่นซึ่งไม่ใช่กว๊านพะเยา หรือถ้าจะเอาไว้ในกว๊านพะเยา จะต้องนำดินมาเสริมถนนเดิมให้กว้างออกไปอีก 20-30 ม. เพราะปัจจุบันถนนรอบกว๊านพะเยาแคบมาก จนรถยนต์แทบจะสวนทางกันไม่ได้

แต่ปรากฏว่าทางราชการไม่รักษาคำพูด ดูดดินจากกว๊านพะเยาแล้วก็นำไปถมกว๊านพะเยาเหมือนเดิม ซึ่งสภาประชาชนฯ มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกิดประโยชน์ ได้ความลึกของกว๊านเพิ่มขึ้นจริง แต่ในขณะเดียวกันพื้นที่กว๊านพะเยาก็ถูกถมขยายกินวงกว้างเข้าไปในกว๊านพะเยาไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีพื้นที่ส่วนเกินขยายเข้าไปในกว๊านพะเยากว่า 10 ไร่แล้ว ถ้าไม่หยุด กว๊านพะเยาก็จะถูกถมไปเรื่อยๆ
“กรณีตัวอย่างของดินโคลนที่ถูกดูดขึ้นมาแล้วขยายเข้าไปในกว๊านพะเยา เช่น พื้นที่ 18 ไร่ข้างสนามฟุตบอลหลังเทศบาลเมืองพะเยา และอีกกว่า 60ไร่ บริเวณหลังศาลเจ้าพะเยา ซึ่งปัจจุบันมีทั้งเอกชนและส่วนราชการเข้าถือครอง จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ซ้ำรอยเดิมอีก ซึ่งเป็นการทำร้ายทำลายกว๊านพะเยาอย่างไม่น่าให้อภัยและยอมไม่ได้อีกต่อไป” นายชุมพลกล่าวยืนยัน พร้อมเดินทางไปมอบพวงหรีดไว้อาลัยให้กับสำนักงานโยธาธิการฯ จ.พะเยา และสำนักงานประมง จ.พะเยา ต่อไป

ทั้งนี้กว๊านพะเยา อยู่ในเขตอำเภอเมืองพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และอันดับ 4 ในประเทศไทย คือใหญ่รองจากบึงบอระเพ็ด หนองหาน และบึงละหาน โดยแรกเริ่มกรมประมงได้ขุดพื้นที่กักเก็บน้ำ ให้ราษฎรมีน้ำใช้ในฤดูน้ำแล้ง และใช้กั้นน้ำในฤดูน้ำหลาก ทว่าทัศนียภาพที่งดงามของกว๊านพะเยา ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ในแหล่งน้ำ ทำให้กว๊านพะเยามีชื่อเสียงจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และถือเป็นเอกลักษณ์ของ จ.พะเยา









