
ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ชี้สัมพันธภาพจะยืนยาว ไม่ได้อยู่ที่ความหวานชื่น แต่ต้องผูกพันและมีความรับผิดชอบ แนะคนรักกันคิดถึงใจเขาใจเรา เตือนชาวเน็ตอย่าใช้ถ้อยคำรุนแรงเข้าไปแสดงความเห็น
วันที่ 25 ก.พ. นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงประเด็นความสัมพันธ์ “คบซ้อน” ว่า เป็นเรื่องของ “สมองส่วนคิด” กับ “สมองส่วนอยาก” คือ สมองส่วนอยาก มันอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุดจะมากกว่าคนนึงอยู่แล้ว แต่สมองส่วนคิด คือ จะคิดถึงใจเขาใจเรา ในมุมกลับกันเวลาเรามีสัมพันธภาพกับใครก็ต้องการให้มีความไว้วางใจน่าเชื่อถือได้ ถ้าเราหวังสิ่งนั้นเราก็ต้องทำตัวในสิ่งนั้นเหมือนกัน ซึ่งอันนี้ต้องใช้สมองส่วนคิดต้องควบคุมความอยากของตัวเองได้
“ถามว่า คนที่คบกันมีไหมที่ใจจะเขวได้ มันก็เขวได้เพราะสมองส่วนอยาก แต่มันไม่ทำพฤติกรรมเพราะสมองส่วนคิด คือ คิดได้แต่ไม่ทำ รู้สึกได้แต่ไม่ทำ เพราะว่าสมองส่วนคิิดมัน Strong กว่า แต่ถ้าคิดได้ทำได้ แสดงว่าสมองส่วนอยากมันทำงานเต็มที่แล้ว เหมือนภาษาโบราณคลำดูไม่มีหางเป็นใช้ได้ สมองส่วนอยากล้วนๆ เลย
เราทำตามความอยากส่วนเดียวและเราไม่ได้ใคร่ควรดูว่า ถ้าเป็นตัวเราเองเราอยากให้อีกฝ่ายทำแบบนี้กับเราไหม คบเราเป็นทางเลือกและคบคนอื่นไปด้วย ถ้าตามใจตัวเองในที่สุดก็จะมีปัญหา เพราะไม่มีความลับในโลก ความรักไม่ได้รักแค่ปีสองปี สัมพันธภาพที่ยืนยาวไม่ได้อยู่ที่ความหวานชื่น ที่สำคัญคือความผูกพันและมีความรับผิดชอบ ซึ่งมาจากสมองส่วนคิด” ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ระบุ
เมื่อถามถึงโซเชียลมีการตอบโต้หรือเข้าไปแสดงความเห็นที่รุนแรงกับกรณีของนักร้องชื่อดัง นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า เป็นการ Blame Speech การใช้ถ้อยคำรุนแรงในเรื่องส่วนตัว ต้องแนะนำว่า ควรทำ “2 ไม่ 1 เตือน” คือ “ไม่” สื่อสารความรุนแรง, “ไม่” ส่งต่อความรุนแรง และ “เตือน” ด้วยถ้อยคำที่สุภาพและนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง
นพ.ยงยุทธ ยังแนะนำเรื่องความสัมพันธ์ ว่า สองฝ่ายควรเป็นสัญญาใจหรือกติกาของสัมพันธภาพเมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาขึ้นมาให้ตกลงกันอย่างเป็นทางการ ปกติเรารักใครก็เป็นข้อตกลงอยู่แล้วว่า เรารักกันนะ ไม่ใช่ไปแอบรักคนอื่น ถ้าไม่มีปัญหาข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการก็เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่มีปัญหาก็คงต้องมาตกลงกันอย่างเป็นทางการ ว่า เรายังรักษาสัมพันธภาพกันไว้หรือถ้าไม่เป็นอย่างนี้ก็เป็นสัญญาณให้แต่ละฝ่ายเปลี่ยนสัมพันธภาพไป









