สรรพากรยัน ไม่ได้เรียกเก็บภาษีลุงวัย 53 ถูกสวมชื่อมีเงินได้ 1.6 ล้าน

สรรพากรยัน ไม่ได้เรียกเก็บภาษีลุงวัย 53 ถูกสวมชื่อมีเงินได้ 1.6 ล้าน

ในประเทศ

สรรพากรบุรีรัมย์ยัน ไปแจ้งเฉยๆ ว่าลุงมีชื่อโชว์ในระบบ เป็นผู้มีเงินได้ 1.6 ล้าน ไม่ได้เรียกเก็บภาษี ชี้ลุงนำบันทึกแจ้งความยืนยันได้ว่าถูกบุคคลอื่นสวมชื่อ

วันที่ 21 ส.ค. 61 ความคืบหน้ากรณีที่ นายเลียบ เมียดเตียบ อายุ 53 ปี ชาวบ้านบ้านพาชี ม.7 ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกบริษัทที่เคยไปทำงานรับจ้างขับรถขนส่งสินค้า นำเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และใบอนุญาตขับรถ ที่ใช้ในการสมัครงาน ไปทำนิติกรรมให้เป็นผู้มีเงินได้จากบริษัทตั้งแต่ปี 2559 ปีละกว่า 1,600,000 บาท จนมีเจ้าหน้าที่สรรพากรสาขาประโคนชัยมาพบที่บ้าน แจ้งว่าให้ไปยื่นแบบภาษี เนื่องจากมีชื่อในระบบว่าเป็นบุคคลที่มีเงินหมุนเวียนปีละกว่า 1,600,000 บาท  ทั้งที่นายเลียบและครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และมีฐานะยากจน

นางสุดารัตน์ ปัญจวัฒน์ สรรพากรอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

ล่าสุด นางสุดารัตน์ ปัญจวัฒน์ สรรพากรอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ที่เจ้าหน้าที่สรรพากรได้นำเอกสารไปส่งที่บ้านนายเลียบ เมียดเตียบ เนื่องจากมีชื่อโชว์ในระบบเป็นผู้ที่ไม่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งสรรพากรจังหวัดได้ส่งรายชื่อมาให้ทำการติดตาม เนื่องจากขาดการยื่นแบบ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะรายของนายเลียบเท่านั้น

จากข้อมูลพบมีรายชื่อที่ให้ดำเนินการติดตามให้มายื่นแบบทั้งหมด 26 ราย ทางสรรพากรจึงได้ไปแนะนำให้มายื่นแบบให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้มีการไปเรียกเก็บภาษีตามที่นายเลียบและครอบครัวเข้าใจ หากนายเลียบยืนยันว่าไม่ได้เป็นบุคคลที่มีเงินได้ปีละกว่า 1,600,000 บาท ตามที่ปรากฏในระบบจริง ก็สามารถนำเอกสารบันทึกแจ้งความมายื่นที่สรรพากร เจ้าหน้าที่ก็จะบันทึกถ้อยคำข้อเท็จจริงไว้ จากนั้นจะส่งเรื่องไปต้นสังกัดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของสรรพากรต่อไป

นางสุดารัตน์ ยังกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีการยื่นแบบภาษีในปี 2560 แล้ว แต่ปี 2559 ไม่ได้ยื่น จึงมีชื่อปรากฏในระบบ ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปที่มีเงินได้ จะต้องยื่นแบบภาษีอากรที่สรรพากรให้ถูกต้องเป็นรายปี หากรายใดมีการหักภาษีไว้เกิน ก็มาทำเรื่องขอคืนภาษีได้ แต่หากบุคคลใดมีเงินได้รายปีเกินกว่า 1,800,000 บาท ก็จะต้องแจ้งจดภาษีมูลค่าเพิ่ม

ส่วนกรณีที่นายเลียบยังติดใจว่าถูกบริษัทนำเอกสารไปทำธุรกรรมต่างๆ จนทำให้ได้รับความเสียหายนั้น นายเลียบก็สามารถไปแจ้งความเอาผิดกับทางบริษัทตามขั้นตอนของกฎหมายได้

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงษ์ นายอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

ด้าน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงษ์ นายอำเภอประโคนชัย ระบุว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจสับสน ที่เจ้าหน้าที่สรรพากรนำเอกสารไปหานายเลียบที่บ้าน เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงการยื่นแบบภาษีตามกฎหมายเท่านั้น เนื่องจากมีชื่อนายเลียบปรากฏในระบบว่า เป็นผู้มีเงินได้หมุนเวียนปีละกว่า 1,600,000 บาท แต่ไม่ได้มีการยื่นแบบภาษีปี 2559 ไม่ได้ไปเรียกเก็บภาษีตามที่เข้าใจ

อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวก็อยากจะแจ้งเตือนประชาชนที่ไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นงานรับจ้างหรืองานอะไรก็ตาม ที่ทางผู้ว่าจ้างให้ยื่นเอกสารสำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านเพื่อประกอบการสมัครงาน ก็ควรจะทำการขีดคร่อมพร้อมเขียนกำกับในสำเนาทุกแผ่น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเอกสารไปทำธุรกรรมอื่นใด ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของเอกสารได้

 

อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์: workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
สรรพากรยัน ไม่ได้เรียกเก็บภาษีลุงวัย 53 ถูกสวมชื่อมีเงินได้ 1.6 ล้าน